พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือ หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ และ วัดพระบาทน้ำพุ ว่าจากคำให้การของหมอบี ฟังมาหลายครั้งแต่ละครั้งแทบจะไม่เหมือนกัน โดยครั้งล่าสุด เหมือนเป็นการโยนไปให้ พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือหลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ โดยอ้างว่านำเงินทั้งหมดส่งมอบให้หลวงพ่อ แต่ครั้งแรกบอกว่าแบ่งไว้บางส่วน ตรงนี้เจ้าหน้าที่กองปราบได้สอบสวนและตรวจสอบโดยให้น้ำหนักกับพยานหลักฐานอื่นประกอบคำให้การ
คำให้การถือเป็นเรื่องหนึ่ง แต่หลักฐานอื่นหรือพยานปากคำอื่นๆ ที่เป็นเอกสารก็ต้องนำมาประกอบ ดังนั้นหมอบีจะให้การอย่างไรก็ได้ เราก็รับฟัง การที่ “หมอบี” ให้การในลักษณะนี้ ถือเป็นการพยายามเอาตัวรอด ทั้งที่ตัวเองรู้ว่าอะไรจริงหรือไม่จริง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ มองว่า ต่างคนก็ต่างพยายามที่จะเอาตัวรอด หรืออาจจะพยายามช่วยกันเพื่อให้ตัวเองรอด แต่ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตำรวจได้ตรวจสอบมาตลอดอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยหนักใจ ยิ่งให้ข้อมูลยิ่งเข้าตัว ยิ่งให้ข้อมูลยิ่งกลับไปกลับมาอย่างไรก็ตามใครก็หลีกหนีพยานหลักฐานที่ทางตำรวจได้มาไม่ได้
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าจะมีการเชิญตัวหลวงพ่ออลงกตให้มาให้ข้อมูลเรื่องเส้นเงินหรือไม่?
พบ.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า ชุดสืบสวนยังไม่ได้คิดจะเชิญตัวหลวงพ่อ เพราะมีเรื่องที่จะต้องทำอีก ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินที่หมอบีเบิกเงินสด เช่น 3 ล้าน แต่เอาใส่ซองให้กว่า 2 ล้านบาท พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา หลักฐานหลายอย่างอยู่ในมือชุดสืบสวนแล้ว เพราะฉะนั้นเราไม่ได้หวั่นไหวในการที่ใครจะให้ข้อมูลผ่านสื่อ บางครั้งเรานั่งฟังยังยิ้ม เพราะมีส่วนที่ตรง แต่บางส่วนก็คิดว่า “เรื่องอะไรกัน”
ตำรวจกำลังมองว่าสองคนให้ข้อมูลไม่หมดและอาจมีเรื่องไส้ในอยู่เยอะ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า อาจจะพูดให้ตัวเองพ้นผิด หรือไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องคดี แม้แต่การให้ข่าวแต่ละครั้งยังไม่เหมือนกัน เราก็ให้กำลังใจทั้งหลวงพ่อและหมอบี แต่หากหลวงพ่อมั่นใจ ก็มาพบพนักงานสอบสวนได้ ส่วนจะมีคนผิดหรือไม่นั้น ตนดูแล้วหมิ่นเหม่กับข้อกฎหมาย และต้องย้อนไปตรวจสอบถึงที่มาที่ไป เรื่องเกิดมานานต้องใช้เวลา ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำหน้าที่
โดยเฉพาะพฤติกรรมของหมอบีที่ไปเบิกเงินสดจากธนาคารมาใส่ซองไปให้หลวงพ่อ เป็นพฤติกรรมที่ต่างจากวิญญูชน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ตอนฟังก็ยิ้มอยู่ เมื่อถามว่าการกระทำแบบนี้ฉลาดหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า ไม่ฉลาด มันผิดปกติ ถ้าการกระทำตรงไปตรงมาจะไม่สลับซับซ้อน หากสลับซับซ้อนต้องซ่อนอะไรไว้ พร้อมย้ำว่าปกติวิญญูชนทำอะไรที่ง่ายและสะดวก ตรงไปตรงมา แค่โอนเงินเข้าบัญชีโดยตรงก็จบไป
ขณะที่หลวงพ่อรับเงินในซองมา ถือว่าศีลเสมอกันหรือไม่นั้น พบ.ต.ต.จรูญเกียรติ ไม่ตอบ พร้อมถอนหายใจก่อนหัวเราะออกมา “ก็ไปดูว่าการรับการจ่ายหรือได้เงินมา ทุกอย่างมีขั้นตอน เงินเข้าบัญชี เบิกมาต้องชัดเจนว่าหักไปทำอะไร การที่ไม่นับเลย เดี๋ยวจะกลายเป็นประเภทรู้กันและแบ่งปันผลประโยชน์“
ส่วนปนะเด็นเรื่องวัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า “วัดมากกว่า กรรมการนิดหน่อย คือตอนนี้ป็นแค่ข้อสงสัยของชุดสืบสวน และชุดสืบสวนมีหลักฐานมากกว่านี้ ตรงนั้นเป็นคำพูด ไม่สามารถลบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ได้ ส่วนจะผิดหนึ่งคน หรือผิดสองคน ก็อย่าพึ่งไปพูดแบบนั้น ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย