กลายเป็นประเด็นในโลกโซเชียลขึ้นมาทันทีหลัง หมอแล็บแพนด้า หรือ ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ หัวหน้างานตรวจโรคติดเชื้อทางโลหิตวิธีอณูชีววิทยาศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก พร้อมรูปภาพการเจาะเลือดแล้วนำไปใส่ในหลอดแก้วขนาดจิ๋ว พร้อมข้อความ "อย่าหาทำนะครับ เจาะเลือดใส่หลอดแก้วแล้วเอามาห้อยคอ ถ้าเทคนิคการเจาะไม่สะอาดจะติดเชื้อได้ แถมบางคนจะเอามาแลกกันใส่ก็มี ระวังหลอดแตกแล้วติดเชื้อกันเด้อออ สรรหาจริงจริ๊งงงง 5555"
ระวัง! แพทย์เตือนอันตรายคอนแทคเลนส์ตาแวมไพร์
หมอห่วงคลัสเตอร์ฟันน้ำนม แนะดูแลใกล้ชิด
ขณะที่ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า โดยทั่วไป เลือดถือเป็นสิ่งที่มีเชื้อโรคอยู่แล้ว เพราะในขั้นตอนการเจาะ อุปกรณ์และผิวหนังต้องทำความสะอาด เพราะเลือดบางคนมีเชื้อไวรัสบางตัวที่ไม่แสดงงอาการ จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อโรค
ดังนั้นจึงขอเตือนวัยรุ่นที่คิดจะทำตาม อย่าทำ เพราะคนทั่วไปไม่สามารถเจาะเลือดด้วยตัวเองได้ และมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโรค รวมทั้งเลือด ผลิตภัณฑ์ที่จะเก็บรักษาไว้กับตัวเอง ไม่ได้เกิดประโยชน์
สำหรับหลอดใส่เลือดที่ใช่ในการเก็บเลือดการแพทย์นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเก็บรักษา
สามารถแบ่งออกเป็น 5 รูปแบบด้วยกัน โดยเหตุผลที่ต้องแบ่งออกดังนี้ ตัวอย่างเลือดให้มีความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพสูงสุดตามวัตถุประสงค์ของการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดนสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 สี ประกอบด้วย สีแดง สีเขียว สีม่วง สีฟ้า และสีเทา โดยแต่ละหลอดก็จะมีสารเคมีในการป้องการการแข็งตัวของเลือด คนละชนิดกันเพื่อป้องกันปัจจัยที่จะส่งผลต่อค่าการวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ
ส่วนแต่ละหลอดจะมีสารอะไรบ้างมาดูกัน
- สีแดง สีแดงนั้นสารที่อยู่ข้างในนั้นไม่ใช่สารกันเลือดแข็ง (Anti-coagulant) เหมือนกับเพื่อนๆ แต่ในนั้นจะเป็นตัวกระตุ้น หรือ activator ที่ทำให้เลือดเกิดการแข็งตัวได้เร็วยิ่งขึ้น และนักเทคนิคการแพทย์จะนำส่วนที่เป็น serum มาใช้ตรวจในกลุ่มการดูการติดเชื้อไวรัส ตรวจมะเร็ง และฮอร์โมน เป็นต้น
- สีเขียว ใช้สารกันเลือดแข็งที่มีชื่อว่า heparin ซึ่งมีคุณสมับติในการยับยั้งการทำงาน thrombinIII หรือ anti-thrombinIII (ปัจจัยการแข็งตัวของเลือดตัวหนึ่ง) เหมาะกับการตรวจทางด้านเคมี โดยเฉพาะ เช่น การตรวจอิเล็คโทรไรท์ น้ำตาล ไขมัน และเอนไซม์ต่าง ๆ
- สีม่วง เป็นสารกันเลือดแข็งชนิด EDTA ที่มีคุณสมบัติไปจับกับแคลเซียมเอาไว้ ซึ่งแคลเซียมจำเป็นสำหรับกระบวนการแข็งตัวของเลือด โดยหลอดเลือดชนิดนี้เหมาะกับการตรวจทางด้านโลหิตวิทยา เช่น CBC, ESR และ น้ำตาลสะสม เป็นต้น เพราะ EDTA จะคงรักษาสภาพของเม็ดได้ดี รูปร่างของเม็ดเลือดจึงยังเหมือนเดิมมากที่สุด
- สีฟ้า สารกันเลือดแข็งที่ใช้คือ SODIUM CITRATE ที่จะไปจับกับแคลเซียมเช่นเดียวกับ EDTA แต่ไม่กระตุ้นการทำงานของเกร็ดเลือดซึ่งมีหน้าที่สำคัญในกระบวนการแข็งตัวของเลือด โดยหลอดสีฟ้านี้เหมาะกับการตรวจการแข็งตัวของเลือดเช่น PT aPTT เป็นต้น
เฉลยข้อเท็จจริง กินของมันมากๆ ดื่มชาร้อนก็ไม่ช่วยขับไขมัน
โซเชียลมีเดียแฝงอันตราย ผู้ปกครองควรชี้แนะให้เด็กๆใช้อย่างปลอดภัย
- สีเทา ในบางโรงพยาบาลจะมีหลอดทีเทา ที่ใช้ NaF เป็นสารกันเลือดแข็งซึ่ง ตัวนี้จะเหมาะกับการตรวจน้ำตาลมากกว่าตัวอื่นเพราะสามารถคงปริมาณน้ำตาลไม่ได้ลดลงได้นานถึง 8 ชม. แต่ในบางที่จะใช้เป็น heparin tube แทนหลอด NaF เพราะ heparin tube ก็สามารถคงสภาพได้เชนกันเพียงแต่ต้องทำการตรวจภาพใน 3 ชั่วโมง
ที่มาข้อมูล
NMC Medical Science
เฟซบุ๊ก หมอแล็บแพนด้า