นักวิชาการชี้ ATK ตรวจสายพันธุ์โควิดไม่ได้
ไทย ยังไม่พบ “ฟลูโรนา” กรมวิทย์ฯ ชี้ไข้หวัดใหญ่-โควิด ผสมเกิดไฮบริดไม่ได้
ที่มาของประเด็นนี้ ก็เริ่มจากที่ อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ จาก คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์คลิป แนะนำวิธีใช้ชุดตรวจATK แบบโฮมยูส โดยระบุว่า ในสถานการณ์ที่มีการระบาดของเชื้อโอมิครอน [MOS]อยากเน้นสาธิตให้ดูเป็นพิเศษคือ วิธีการเก็บตัวอย่างเชื้อให้ได้ปริมาณเยอะ เพื่อลดอาการเกิดผลลบปลอม หรือ false negative นั้นคือ ควรจะเก็บตัวอย่างเชื้อที่ในช่องคอ บริเวณทอนซิล ก่อนที่จะมาเก็บในโพรงจมูกทั้ง 2 ข้าง ซึ่งอาจารย์บอกว่าจะได้ผลดีกว่าการเก็บแค่ในโพรงจมูกอย่างเดียว
ล่าสุดวันนี้ (7 ม.ค.65) นักข่าวก็ได้ไปสอบถาม นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ว่า ข้อแนะนำในการตรวจ ATK ชนิดแยงจมูกมาแยงต่อมทอนซิลก่อนแยงจมูกจะเพิ่มโอกาสในการเจอเชื้อได้มากกว่า จริงหรือไม่ ซึ่งอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก็ให้คำตอบว่า โดยหลักการช่องคอ กับโพรงจมูก เป็นช่องเดียวกันอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนี้กับชุดตรวจโฮมยูส เพราะประชาชนไม่ได้มีความชำนาญ จึงเสี่ยงเป็นอันตรายอย่างอื่นได้
ทั้งนี้วิธีการตรวจที่เป็นมาตรฐานของ ATK ชนิดที่ประชาชนใช้เอง หรือ Home Use นั้น คือการแยงจมูกราว ๆ 2-3 เซนติเมตร ปั่นข้างละ 5-6 รอบ แล้วตรวจด้วยน้ำยาที่มากับชุดตรวจ นี่คือวิธีมาตรฐานที่ปฏิบัติ ยังไม่มีที่ไหนนำไปตรวจด้วยวิธีอื่น ๆ ใครที่จะทำพิสดารนอกเหนือจากนั้นคงแล้วแต่ แต่ถ้าวิธีมาตรฐานคือแยงจมูก
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวต่อว่า การตรวจหาเชื้อโควิด -19 ด้วยชุดตรวจ ATK ที่ผ่านการประเมินการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นั้นมีการกำหนดมาตรฐานความไวอยู่ที่ 90 % และความจำเพาะ 98% ดังนั้นถึงไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์บ้างแต่ยังสามารถตรวจเจอเชื้อได้ ทั้งอัลฟา เดลตา และโอมิครอน