วิตามินซี ควรกินตอนไหน? คำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมวิตามินซี
วิตามินซี (Vitamin C) หรือกรดแอสคอร์บิกเป็นวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก เนื่องจากช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มให้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวสวย เปล่งปลั่ง ดูกระจ่างใส และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ แต่วิตามินซีควรกินตอนไหนและปริมาณเท่าไหร่ถึงจะดีที่สุด? ทั้งในแง่ของความปลอดภัยและประสิทธิภาพจากสรรพคุณของวิตามิน
ในบทความนี้เราได้รวบรวมคำตอบมาให้แล้วว่าควรกินวิตามินซีตอนไหนดีที่สุด รวมทั้งเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์แบบเต็มที่มากกว่าที่เคย
วิตามินซี ควรกินตอนไหนดีที่สุด เพื่อประโยชน์และความคุ้มค่า
วิตามินซีในรูปแบบอาหารเสริมควรกินตอนไหนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด? การกินวิตามินชนิดนี้ควรเป็นช่วงหลังมื้ออาหารเช้าและเย็น เนื่องจากมี Vitamin C บางรูปแบบมีความเป็นกรด อาจทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองหรือเป็นแผล และแนะนำให้ดื่มน้ำตามในปริมาณมาก เพื่อป้องกันการเกิดนิ่วในไต
ไม่แนะนำให้กิน Vitamin C ความเข้มข้นสูงในคราวเดียว เนื่องจากงานวิจัยพบว่าการกินในปริมาณน้อยแต่สม่ำเสมอจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดีกว่าและเป็นการรักษาระดับวิตามินในเลือดให้คงที่ตลอดทั้งวัน เพราะถึงแม้จะกินวิตามินในปริมาณมาก แต่ร่างกายมีจุดอิ่มตัวในการดูดซึม ปริมาณวิตามินที่ไม่สามารถดูดซึมได้ก็จะถูกขับออกทางปัสสาวะ ดังนั้นหากให้แนะนำว่าวิตามินซี ควรกินตอนไหน คือควรแบ่งกินครั้งละ 500 mg วันละ 2 ครั้งจะช่วยให้ร่างกายรับประโยชน์จากวิตามินอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
6 ประโยชน์ของวิตามินซีที่คุณอาจยังไม่เคยรู้
หากพูดถึงวิตามินซี เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะคิดถึงในเรื่องการเป็นตัวช่วยให้ผิวใสหรือป้องกันหวัด แต่คุณอาจคาดไม่ถึงว่ามันยังมีประโยชน์และข้อดีอีกมากมาย มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
- ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน
Vit-C มีส่วนช่วยในกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำให้ผิวดูสวย สุขภาพดี มีความเต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ ยิ่งกินคู่กันบอกเลยว่าผิวสวยฉ่ำโกลว์แน่นอน หากใครสงสัยว่าคอลลาเจนและวิตามินซี ควรกินตอนไหนดีที่สุด แนะนำว่าควรกินคอลลาเจนตอนท้องว่าง เนื่องจากจะทำให้ดูดซึมได้ดีกว่า ส่วนวิตามินซีควรกินหลังอาหาร เพื่อป้องกันการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร
- ช่วยเพิ่มการดูดซึมของธาตุเหล็ก
หากคุณมีภาวะโลหิตจางหรือรู้สึกอ่อนเพลีย นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายกำลังขาดธาตุเหล็ก ควรเลือกกินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ ผักใบเขียว นอกจากนี้ควรกิน Vitamin C เสริมด้วยเพราะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น
รู้สึกร่างกายอ่อนเพลีย คิดช้า สมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก? สัญญาณเตือนของการขาดวิตามินบีรวม
- วิตามินซีร่วมกับซิงค์ บูสต์พลังภูมิคุ้มกัน
วิตามินซีและซิงค์ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันร่วมกัน โดย Vitamin C จะกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวและทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ส่วนซิงค์ช่วยควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ และเร่งการฟื้นตัว ทำให้ร่างกายต้านทานเชื้อโรคได้ดีขึ้น วิตามินซีและซิงค์ ควรกินตอนไหนให้ผลดีที่สุดคือให้กินตอนท้องว่าง เช่น ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง หรือหลังอาหาร 2 ชั่วโมง
- ช่วยป้องกันโรคต้อกระจก
วิตามินซีทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเลนส์ตาจากความเสื่อมที่เกิดจากแสงแดด มลภาวะ และอายุที่มากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยลดการสะสมของโปรตีนที่ผิดปกติในเลนส์ตา ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของต้อกระจก
- ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน
วิตามินนี้เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้หลอดเลือดฝอยแข็งแรงและเหงือกสุขภาพดี ไม่อักเสบง่าย และป้องกันการเกิดเลือดออกตามไรฟัน
- ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
Vit-C ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เป็นโครงสร้างสำคัญของผิว ทำให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น ลดการอักเสบ และการติดเชื้อ แต่ถ้าอยากให้ได้ผลดี ก็ต้องรู้ว่าวิตามินซี ควรกินตอนไหน การแบ่งกินหลังอาหาร 2 มื้อต่อวันเป็นเวลาที่ดีที่สุด เพราะร่างกายจะดูดซึมและนำไปใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่า
วิตามินซีต้องกินเท่าไหร่ต่อวัน กินแบบไหนร่างกายดูดซึมได้สูงสุด
วิตามินซี ควรกินปริมาณเท่าไร? ปกติแล้วความต้องการวิตามินของร่างกายแต่ละคนแตกต่างกันสำหรับผลลัพธ์เรื่องผิวและสุขภาพโดยรวมแนะนำว่าควรกินปริมาณ 1,000 mg ต่อวัน โดยวิตามินซี 1000 mg ควรกินตอนไหนถึงให้ผลลัพธ์สูงสุด คือควรแบ่งกินครั้งละ 500 mg ต่อวัน วันละ 2 ครั้ง เพื่อรักษาระดับ Vitamin C ในร่างกายให้อยู่ตลอดวัน วิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมและรับประโยชน์ของวิตามินนี้อย่างเต็มที่ เพราะหากกินในปริมาณเยอะ ๆ ทีเดียว ร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมได้ทั้งหมด และอาจทำให้ได้รับปริมาณวิตามินซีน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
วิตามินซีเลือกแบบไหนดีกว่ากัน เทียบความแตกต่างให้เห็นแบบชัด ๆ
หลังจากรู้ไปแล้วว่าวิตามินซี ควรกินตอนไหนดี? การเลือกรูปแบบ Vit-C ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากปัจจุบันในท้องตลาดมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบเม็ด แบบผง หรือแบบขวดพร้อมดื่ม ซึ่งแต่ละประเภทก็มีข้อดีและข้อควรพิจารณาต่างกันออกไปดังนี้
- วิตามินซีแบบอัดเม็ด : ขนาดทั่วไปที่พบเห็นได้บ่อยคือ 500 mg และ 1,000 mg ซึ่งแนะนำให้เลือกกินแบบ Slow-Release เพราะตัววิตซีจะค่อย ๆ ถูกปล่อยออกมา ทำให้ร่างกายดูดซึมได้เต็มที่ แต่แบบนี้ตัวเม็ดจะมีขนาดใหญ่ ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาด้านการกลืน
- วิตามินซีแบบแคปซูล : กลืนได้ง่ายกว่าแบบอัดเม็ด เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการรสชาติจาก Vit- C
- วิตามินซีแบบเม็ดฟู่ : ละลายน้ำ ดื่มง่าย และดูดซึมได้เร็ว เหมาะกับคนที่ไม่ชอบกลืนยา โดยวิตามินซี แบบเม็ดฟู่ ควรกินตอนไหน? แนะนำว่าควรกินหลังมื้ออาหารทันทีเพื่อลดโอกาสเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
- วิตามินซีแบบเคี้ยว : กินง่าย รสชาติอร่อย เหมาะกับเด็กหรือผู้ที่ไม่ชอบกลืนยา แต่บางสูตรมีน้ำตาลสูงและอาจทำให้ฟันผุได้ แนะนำให้เลือกสูตรที่ใช้สารทดแทนความหวานหรือน้ำตาลต่ำ
- วิตามินซีแบบเม็ดอม : ละลายในปากได้ช้า ให้ความสดชื่น พกพาง่าย ไม่ต้องใช้น้ำ แต่ควรระวังเรื่องความเป็นกรดที่อาจกัดกร่อนเคลือบฟัน
- วิตามินซีแบบผง : วิตามินรูปแบบนี้จะมีสารแคลเซียมแอสคอร์เบท 100% ทำให้ไม่มีความเป็น
- กรด เหมาะกับคนที่มีปัญหาแผลในกระเพาะอาหารหรือกรดไหลย้อน
- วิตามินซีแบบขวดพร้อมดื่ม : สะดวก ดื่มได้ทันที เหมาะกับการพกพา แต่ส่วนใหญ่มีน้ำตาลสูงและอาจมีปริมาณวิตามินที่น้อย
- วิตามินซีแบบเจลลี่ : เคี้ยวง่าย รสชาติดี เหมาะกับเด็กและผู้ที่ไม่ชอบรสเปรี้ยวจัด แต่บางสูตรมีปริมาณวิตามินต่ำกว่ารูปแบบอื่น และอาจมีน้ำตาลสูง
5 ข้อควรระวังก่อนกินวิตามินซี กินให้ปลอดภัยสบายใจกว่า
แม้ว่าวิตามินซีจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากกินอย่างไม่ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่รู้ว่ากินวิตามินซีตอนไหนดีที่สุด ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้เช่นกัน
1. ไม่ควรกินเกินปริมาณที่แนะนำ
ปริมาณที่แนะนำต่อวันคือ 85-100 mg สำหรับผู้ใหญ่ และไม่ควรเกิน 2,000 mg ต่อวัน การกินเกินขนาดอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น ท้องเสีย ปวดท้อง คลื่นไส้
2. เสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต
หากได้รับ Vitamin C ปริมาณสูงเป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไตถึง 1.43 เท่าเทียบกับคนที่ได้รับในปริมาณที่น้อยกว่า
3. อาจทำให้เกิดกรดไหลย้อนหรือระคายเคืองกระเพาะอาหาร
วิตามินรูปแบบกรดแอสคอร์บิกอาจทำให้บางคนมีอาการกรดไหลย้อนหรือกระเพาะอาหารระคายเคือง แนะนำให้เลือกแบบที่เป็นแอสคอร์เบต (Buffered Vitamin C) ซึ่งไม่มีฤทธิ์เป็นกรดจะดีกับอาการที่เป็นอยู่มากกว่า
4. ไม่ควรกินพร้อมยาบางชนิด
Vit-C อาจรบกวนการทำงานของยาบางกลุ่ม เช่น ยากลุ่มผู้ป่วยโรคไต ยาเคลือบกระเพาะ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เป็นต้น
5. ควรกินในเวลาที่เหมาะสม
วิตามินซี ควรกินตอนไหนถึงปลอดภัย? แนะนำให้กินหลังอาหาร เพื่อลดการระคายเคืองกระเพาะ ไม่ควรกินขณะที่ท้องว่างเนื่องจากความเป็นกรดอาจกัดกร่อนจนเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้
วิตามินซี ควรกินตอนไหนดีที่สุด ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์แบบชัดเจน
หลายคนที่สงสัยว่าวิตามินซี ควรกินตอนไหน การกินวิตามินซีอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และได้ประโยชน์สูงสุด ควรกินตอนไหนดีที่สุด คำตอบคือควรกินหลังมื้ออาหาร ไม่กินขณะที่ท้องว่างหรือก่อนนอน เพราะอาจทำให้กระเพาะเกิดการระคายเคือง นอกจากนี้ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม ไม่กิน Vit-C ความเข้มข้นสูงในครั้งเดียว แนะนำว่าควรแบ่งกินครั้งละ 500 mg วันละ 2 ครั้ง หรือเลือกกินเป็นวิตามินประเภท Slow Release ที่ค่อย ๆ ปล่อยวิตามินออกมาช้า ๆ จะทำให้ให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ได้มีประสิทธิภาพกว่า