เวลา 21.35 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายสรุปญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตอนหนึ่งว่า นายกฯเปิดประเด็นที่ว่าพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย หัวอกเดียวกัน เราโดนนิติสงคราม โดนยุบพรรค แล้วเราจะออกจากปัญหานี้อย่างไร ทั้งที่บอกว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่การกระทำไม่เหมือนกับที่พูดไว้ ทั้งนี้เฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น อยากถามว่าเจตจำนงทางการเมืองของนายกฯอยู่ตรงไหน และอยากถามว่าเหตุผลที่นายกฯมาดำรงตำแหน่งนายกฯเพื่ออะไร
ทั้งนี้ ความขัดแย้งทางการเมือง 20 ปีที่ผ่านมา สามารถสรุปได้ 2 ประโยค คือ 20 ปีที่แล้วประเทศไทยสูญเสียไปทุกอย่างเพื่อเอาทักษิณ ชินวัตร ออกนอกประเทศ และ 20 ปีผ่านมา ประเทศไทยกำลังจะสูญเสียทุกอย่างอีกครั้ง เพื่อเอาทักษิณ ชินวัตร กลับมาในประเทศนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนกำลังสื่อสารว่าดีลแลกประเทศคืออะไร แล้ววันนี้กลายเป็นว่าครอบครัวนายกฯไปร่วมขบวนการนั้นแล้ว และมันเปลี่ยนอะไรไม่ได้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าฝ่ายค้านไม่ได้ประดิษฐ์วาทะกรรม หรือใส่ร้ายป้ายสี เพราะเป็นการกล่าวหาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากถูกกล่าวหาก็ควรชี้แจง ไม่ใช่โยนข้อกล่าวหากลับมาที่ฝ่ายค้าน
ส่วนที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม บอกว่า พวกตนมีแต่เรื่องเก่า แต่เรื่องเก่าหลายเรื่องถ้าเป็นเรื่องที่ผิดทำไมท่านไม่แก้ แม้หลายเรื่องไม่ได้เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ แต่ในเมื่อทานอยู่ในอำนาจทำไมท่านไม่มีคำตอบว่าจะแก้ไขอย่างไร
นายณัฐพงษ์ อภิปรายอีกว่า ยังมีหลายเรื่องที่อยากได้คำตอบจากนายกฯ ทั้งเรื่องภาษีการรับให้ ก็อยากถามถ้าฝ่ายค้านไม่อภิปรายเรื่องนี้ในสภา นายกฯว่าวางแผนจะจ่ายภาษีเมื่อไหร่ หรือจะรอไปเรื่อยๆ เพราะตั๋ว PN ไม่มีกำหนดชำระ ไม่มีดอกเบี้ย และอยากถามว่าหากคนที่กำลังจะโอนหุ้นให้คนในครอบครัว แล้วทำวิธีเดียวกันเหมือนนายกฯทุกคน ประเทศไทยจะมีภาษีมรดกไว้ทำไม ซึ่งตนมองว่าเป็นธุรกรรมอำพรางวางแผนเพื่อหนีภาษี ขณะที่เรื่องปลาหอมคางดำ ที่นายกฯบอกว่ารัฐบาลที่ผ่านมามีมาตรการแก้ปัญหาแล้ว และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต และรัฐบาลตั้งงบ 98 ล้านบาทเพื่อแก้ปัญหา แต่คำถามคือเมื่อไหร่ที่รัฐบาลจะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเพื่อเอากลุ่มทุนที่ทำผิดมาลงโทษ อยากให้นายกฯตอบชัดๆว่าจะดำเนินคดีกับบริษัทดังกล่าวเมื่อไหร่
ส่วนเรื่องปัญหาฝุ่น PM 2.5 นั้น การอ้างจุดความร้อนลดลง แต่พื้นที่เผาไหม้กลับเยอะขึ้น ดังนั้นต้องตั้งตัวชี้วัดให้ถูกต้องเพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด ส่วนเรื่องค่าไฟแพงจะเอาอย่างไร แม้รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยอนุมัติให้ซื้อไฟฟ้าเพิ่ม แต่อยากถามว่าแผน PDP ของประเทศที่ทำให้เราต้องมีโรงไฟฟ้าสำรองแล้วมีภาระค่าไฟแพงมาโดยตลอด รัฐบาลจะเอาอย่างไรกับแผน PDP แบบนี้
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ผู้นำฝ่ายค้านกำลังอภิปราย ได้มี สส.ฝั่งรัฐบาล ลุกขึ้นประท้วง ว่าการอภิปรายสรุปของผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งในลักษณะการตั้งคำถามไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และนอกจากนั้นนายกฯเองก็ไม่มีสิทธิลุกขึ้นตอบแล้วเพราะเป็นการอภิปรายสรุปการอภิปราย ซึ่งควรจะสรุปประเด็นที่อภิปรายตลอด 2 วันที่ผ่านมา เพราะหากอภิปรายสรุปแล้วจะไม่มีการชี้แจงได้อีก
ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร บอกว่าตนวินิจฉัยแล้วว่าผู้นำฝ่ายค้านยังอภิปรายอยู่ในญัตติ และหากมีประเด็นใหม่ขึ้นมานายกฯก็สามารถใช้สิทธิที่จะชี้แจ้งได้ แต่หลังจากนั้น สส.ฝั่งรัฐบาล ยังคงประท้วงว่าไม่สามารถอภิปรายในประเด็นใหม่ได้ ซึ่ง สส.ฝ่ายค้านก็มีการลุกขึ้นประท้วงว่าประธานในที่ประชุมมีการวินิจฉัยแล้ว ก็ควรจะเดินหน้าต่อ แต่ก็ยังมีการประท้วงตอบโต้กันไปมา โดยใช้เวลากว่า 20 นาที
จากนั้นประธานสภาผู้แทนราษฎร จึงได้สรุปว่า ขอให้ผู้นำฝ่ายค้านอย่าอภิปรายในประเด็นใหม่ หรือตั้งคำถาม เพราะรัฐบาลจะไม่สามารถชี้แจงได้แล้ว
หลังจากนั้น นายณัฐพงษ์ อภิปรายต่อว่า ประเด็นที่ดินเขาใหญ่ฝ่ายค้านมีการตั้งคำถามเรื่องการออกโฉนดที่ดินไม่ชอบ และการประกอบธุรกิจโรงแรมที่ผิดกฎหมาย ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งประเด็นโฉนดที่ดินยังเป็นเรื่องที่จะต้องพิสูจน์ว่าเป็นพื้นที่ต้นน้ำหรือไม่ ส่วนเรื่องการประกอบธุรกิจโรงแรมนั้น ได้ออกใบอนุญาติประกอบธุรกิจโรงแรมปี 2562 แต่พบว่าเริ่มทำธุรกิจโรงแรมมาตั้งแต่ปี 2557
ส่วนประเด็นชั้น 14 แม้จะเกี่ยวข้องมาจากรัฐบาลก่อน แต่นายกฯอยู่ในฐานะพยานรู้เห็นสถานะของพ่อตัวเองมาโดยตลอด ซึ่งฝ่ายค้านอยากได้คำตอบว่าสรุปนายทักษิณป่วยเป็นอะไรกันแน่ ถึงต้องไปอยู่ชั้น 14 ส่วนเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีการตั้งคำถามเรื่อง พ.ร.ก.แบ่งความรับผิดชอบจากสถาบันการเงินเมื่อไหร่จะออกมาสักที ซึ่งเป็นข้อสงสัยที่ยังรอคำตอบจากรัฐบาล
นายณัฐพงษ์ อภิปรายทิ้งท้ายว่า ทั้งนี้ฝ่ายค้านได้ตั้งข้อกล่าวหาหลายข้อพาดพิงนายกฯโดยตรง ทั้งการขาดความรู้ความสามารถ ขาดภาวะการเป็นผู้นำ ขาดวุฒิภาวะ และเจตจำนงทางการเมือง โดยเฉพาะเรื่องเจตจำนงทางการเมืองนั้น 3 ประเด็นหลักที่ฝ่ายค้านอยากได้ยินคือเมื่อไหร่ที่รัฐบาลจะหยุดเอาใจกลุ่มทุน จะหยุดเอาใจกลุ่มอำนาจเดิม จะหยุดบิดเบือนกฎหมายเปลี่ยนดำเป็นขาว
"ดังนั้นผมจึงขอกล่าวหานายกฯจงใจทำธุรกรรมอำพรางวางแผนเพื่อหนีภาษี และกล่าวหานายกฯอิงแอบกลุ่มทุนเอาใจกลุ่มอำนาจเก่าละเว้นการใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะนายกฯ และกล่าวหาว่านายกฯเป็นคนไม่มีความรู้ความสามารถและไม่มีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหา เลือกหยิบแต่ตัวเลขดีๆมาหลอกสังคม ทำตัวหนีความจริง รวมเป็น 3 หนี วางแผนเพื่อหนีภาษี ละเว้นและหนีหน้าที่ ทำตัวหนีความจริง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ตนไม่สามารถไว้วางใจนายกฯให้ดำรงตำแหน่งต่อไปได้"
จากนั้นเวลา 22.25 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร จึงมีการนัดที่ประชุมเพื่อลงมติในเวลา 10.00 น. ก่อนจะปิดการประชุม
อย่างไรก็ตาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และสมาชิกสภาพรรคร่วมรัฐบาล ได้ถ่ายรูปหมู่ หลังประธานสภาฯ สั่งปิดการประชุมในญัตติ อภิปรายไม่ไว้วางใจ