สรุปประเด็น "อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568" ศึกซักฟอก "แพทองธาร ชินวัตร" วันแรก

โดย PPTV Online

เผยแพร่

สภาผู้แทนราษฎร “อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล 2568” ฝ่ายค้านตั้งญัตติ “แพทองธาร ชินวัตร” ขาดคุณสมบัตินั่งนายกฯ สมัครใจยินยอมให้คนในครอบครัวชี้นำ ชักใย ประพฤติตนเสมือนเป็นหุ่นเชิด

สภาผู้แทนราษฎร เปิดประชุมนัดพิเศษ ระหว่างวันที่ 24 – 25 มีนาคม 2568 เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยในปี 2568 ฝ่ายค้ายอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียง 1 บุคคล คือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

สำหรับกรอบเวลา “อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568” ฝ่ายค้านได้เวลา 28 ชั่วโมง รัฐบาล 7 ชั่วโมง และประธานสภาผู้แทนราษฎร 2 ชั่วโมง หากมีการดำเนินการอภิปรายตามกรอบเวลานี้ในวันที่ 24-25 มีนาคม 2568 สภาผู้แทนราษฎรจะมีการลงมติในวันที่ 26 มีนาคม 2568

คอนเทนต์แนะนำ
เช็กความพร้อมสองฝั่ง เพื่อไทย vs ประชาชน ก่อนศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
อภิปรายฯ 28 ชม. สะท้อนรัฐบาลใจแคบ หวังไม่ให้ประชาชนรู้เห็นรับฟัง
จับตาศึกซักฟอก เชื่อเพื่อไทย - ทักษิณ กังวลลุงป้อม ปลายทางอาจถึงยุบสภา

อภิปรายไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร ช่างภาพพีพีทีวี
อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568 รัฐบาล "แพทองธาร ชินวัตร"

“ไอติม พริษฐ์” อัดรัฐบาลอิ๊งค์ขวางเปลี่ยนผ่านไปสู่ปชต.

เวลา 22.40 น. นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ตนไม่สามารถไว้วางใจนายกรัฐมนตรีได้ในฐานะเป็นต้นตอความล้มเหลวของการปฏิรูปการเมืองและการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย ทั้งที่นายกฯเคยแถลงนโยบายต่อสภาเรื่องประชาธิปไตยที่กินได้ ซึ่งนอกจากนายกฯจะสอบตกเรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจแล้ว ยังสอบตกเรื่องการยกระดับประชาธิปไตย ทั้งที่ในการเลือกตั้งปี 2566 ประชาชนเลือกพรรคฝ่ายค้านในขณะนั้นเพื่อหวังเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย

การบริหารประเทศและการบริหารการเมืองของรัฐบาลแพทองธาร เป็นเหมือนละครเรื่องหนึ่ง ซึ่งจะมุ่งสู่ความพังพินาศของการเมืองไทย โดยมีการตั้งรัฐบาลโดยอ้างว่าทำเพื่อประเทศชาติ ซึ่งจุดจบของการปฏิรูปการเมืองถูกกำหนดไว้ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของรัฐบาลนี้ นอกจากนั้นปากอย่างใจอย่าง ที่นายกฯเสแสร้งว่าอยากปฏิรูปการเมืองแต่ไม่เคยทำให้เห็น โดยเฉพาะเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต่างกับการผลักดันเรื่องกาสิโนอย่างจริงจัง แต่พอนโยบายไหนที่ไม่อยากทำก็โยนบาปให้กับพรรคร่วมรัฐบาล

นอกจากนั้นยังมีการบั่นทอนกลไกประชาธิปไตยและการเมืองในระบบรัฐสภาให้อ่อนแอลง ฝ่ายบริหารกลายเป็นรัฐบาลเป็ดง่อย ที่ต้องรอฟังเสียงากนายกฯคนพ่อ หลายเรื่องต้องรอนายกฯคนพ่อพูดก่อน นายกฯคนลูก ถึงจะออกมาพูดรับลูก ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับงานสภาเหมือนงานการกุศล โดยมีการตั้งกระทู้ถามสดหลายครั้ง แต่นายกฯกลับไม่เคยมาตอบกระทู้ถามสดในสภา มีการมาตอบกระทู้ถามของพรรคร่วมรัฐบาลเพียงครั้งเดียว นอกจากนั้นไม่สนใจกระจายอำนาจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งที่ตอนเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกลับให้ความสำคัญถึงขนาดให้พ่อลงไปหาเสียง เป็นต้น

นอกจากนี้ นายกฯยัง มีพฤติกรรมปราบโกงพอเป็นพิธี ปล่อยปละปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน นายกฯไม่เคยพูดถึงการแก้ปัญหาการทุจริตแม้แต่ครั้งเดียว และยังเอาเรื่องการปราบโกงเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง ในจังหวะที่แบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัว มีปัญหาระบอบอุปถัมภ์ มีการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง โดยเฉพาะในภาคพลังงาน นอกจากนั้นอาจจะมีการส่งออกการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องนอกประเทศ โดยรัฐบาลได้หลวมตัวรับเงินหรือประโยชน์อื่นใดกับบริษัทกาสิโนต่างชาติ เพื่อนำมาจัดงานเกี่ยวกับซอฟต์พาวเวอร์ แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่านายกฯจะไม่ตอบแทนบริษัทดังกล่าวเมื่อนายกฯมีอำนาจชี้ขาดว่าใครจะได้ใบอนุญาติกาสิโนในไทยหรือไม่

พริษฐ์ วัชรสินธุ ช่างภาพพีพีทีวี
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน

"วราวุธ ชี้แจงกรณีครอบครองที่ดินโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ 

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. ชี้แจงกรณี นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน อภิปรายเรื่องการครอบครองที่ดินโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ โดยยืนยันว่า ที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ซึ่งแม้เป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธาร แต่สามารถใช้ประโยชน์ได้ตามกฎหมาย

โรงแรมเทมส์ วัลลีย์ฯ ได้ขอเปลี่ยนวัตถุประสงค์การใช้ที่ดินเพื่อประกอบกิจการอื่นเมื่อ 29 ส.ค. 2562 และได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯ โดยพื้นที่นิคมฯ ขนาด 280,000 ไร่ ซึ่งประกาศเมื่อปี 2515 อนุญาตให้ประชาชนใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด จึงไม่ถือเป็นการบุกรุกพื้นที่หวงห้าม 

วราวุธ ศิลปอาชา ช่างภาพพีพีทีวี
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม.

"อนุทิน" แจงปมที่ดินสนามกอล์ฟ ชี้ซื้อถูกต้อง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ลุกชี้แจงกรณีที่ดินสนามกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์ ว่าครอบครัวของตนซื้อที่ดินจากเจ้าของเดิมโดยถูกต้อง ผ่านกรมที่ดิน ซึ่งเป็นกระบวนการปกติของนักลงทุน ยืนยันว่ามีโฉนดตราครุฑและการโอนกรรมสิทธิ์ที่ถูกต้อง

นายอนุทินระบุว่า กระบวนการได้มาของที่ดินแปลงนี้คล้ายกับโครงการเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ ดังนั้น การกล่าวหาว่าผู้ครอบครองโฉนดกระทำผิดกฎหมายไม่เป็นความจริง พร้อมย้ำว่าหากพบความผิดพลาดและจำเป็นต้องเพิกถอน ตนยินดีปฏิบัติตามกฎหมาย แต่การตรวจสอบต้องให้ความเป็นธรรม ไม่ควรกล่าวหาก่อนมีข้อสรุปทางกฎหมาย ทั้งนี้ การอภิปรายดังกล่าวส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนและการท่องเที่ยวในเขาใหญ่โดยตรง

อนุทิน ชาญวีรกูล ช่างภาพพีพีทีวี
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย

"ธีรัจชัย" เปิดหลักฐาน โรงแรมหรูเขาใหญ่ ซักฟอกนายกฯ อิ๊งค์ 

วันที่ 24 มีนาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส. พรรคประชาชน กรุงเทพมหานคร อภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่าไม่มีคุณสมบัติและความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่ง เอื้อประโยชน์แก่ตนเองและครอบครัว รวมถึงอาจมีการครอบครองที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นายธีรัจชัยเปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ โฮเต็ล จำกัด และเคยเป็นกรรมการบริษัทก่อนลาออกมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยโรงแรมดังกล่าวตั้งอยู่บนที่ดินที่มีโฉนดเลขที่ 22054, 76046, 76047 และ 76048 ใน ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา อย่างไรก็ตาม ที่ดินมีโฉนดไม่ได้หมายความว่าถูกต้องเสมอ หากมีการออกโฉนดโดยไม่ชอบ เช่น อยู่ในพื้นที่หวงห้าม ก็อาจถูกเพิกถอนได้

จากการตรวจสอบพบว่า ที่ดินดังกล่าวเคยเป็นส่วนหนึ่งของ "นิคมสร้างตนเองลำตะคอง" ซึ่งรัฐบาลจัดสรรให้ประชาชนทำกินหลังการสร้างเขื่อนลำตะคอง โดยกฎหมายกำหนดให้สามารถออกเอกสารสิทธิได้ หากปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน แต่มีข้อยกเว้นสำหรับพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ซึ่ง ครม. มีมติเมื่อปี 2514 ให้เป็นเขตสงวนหวงห้าม ห้ามออกเอกสารสิทธิทุกประเภท

นายธีรัจชัย นำเสนอแผนที่ของกรมพัฒนาที่ดิน และข้อมูลจากระบบแลนด์แมพของกรมที่ดิน พบว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 22054 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ อยู่ในพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ซึ่งตามกฎหมายแล้ว ไม่สามารถเข้าใช้ประโยชน์หรือออกเอกสารสิทธิได้ตั้งแต่ต้น

“หากที่ดินอยู่ในเขตหวงห้าม ก็ต้องตรวจสอบว่าออกเอกสารสิทธิโดยชอบหรือไม่ และหากผิดกฎหมาย ควรมีการเพิกถอนโฉนดที่ดินแปลงนี้” นายธีรัจชัยกล่าว 

ธีรัจชัย พันธุมาศ ช่างภาพพีพีทีวี
นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส. พรรคประชาชน กรุงเทพมหานคร

"อิ๊งค์" กลับบ้าน ออกจากสภาฯ 

เมื่อเวลา 22.30น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เดินทางออกจากอาคารรัฐสภา  โดยสื่อมวลชนได้สอบถามถึงประเด็นกีกี้เป็นเหตุ จนทำให้สภาเกิดความวุ่นวาย มองว่าเป็นคำสแลงจนฟังไม่ได้หรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีตอบว่าเพิ่งได้ยินวันนี้นี่แหละค่ะ โดยไม่ได้รู้สึกตกใจเพราะตอนแรกฟังไม่ออก

ส่วนที่นายภูมิธรรมเวชชัยรองนายกรัฐมนตรีรัฐรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ฟ้องประชาชนให้เปิด Google ดูก็จะรู้ความหมายนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ใช่ก็เห็นใน Google ก็เป็นอย่างนั้น และก็มีบางสำนักข่าวลงว่ามีอีกความหมายหนึ่ง แต่ก็อ่านผ่านๆ ไม่แน่ใจ อันนี้สรุปไม่ได้ ก็แล้วแต่ตีความกัน

เมื่อถามว่าให้คะแนนการอภิปรายไม่ไว้วางใจฝ่ายค้านในวันแรกอย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าต้องให้ให้กำลังใจกันและกัน ก่อนจะบอกให้สื่อมวลชนกลับไปพัก เมื่อถามว่าการอภิปรายวันแรกเป็นอย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวสั้นๆ ว่า “ดีค่ะๆ”

นายกฯ ช่างภาพพีพีทีวี
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เดินทางออกจากอาคารรัฐสภา

"กี้~ กี้~" ป่วนสภาอีกรอบ! 

ระหว่างการอภิปรายถามตอบเรื่องชาวอุยกูร์ ของนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  ช่วงหนึ่ง นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.พรรคประชาชน ก็ได้ลุกขึ้นทักท้วงการอภิปรายของนายภูมิธรรมว่าใช้คำเสียดสี โดยนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาคนที่สอง ซึ่งเป็นประธานในที่ประชุม ได้วินิจฉัยว่า การอภิปรายของฝ่ายค้าน ก็ใช้คำที่เสียดสีในบางคำ ซึ่งก็ทำให้ทางฝั่งรัฐบาลมีการใช้คำที่เสียดสีบ้าง จึงขอความกรุณารัฐมนตรี ว่าเป็นผู้ใหญ่ให้ชี้แจงด้วยความสุขุมรอบคอบ

ซึ่งนายภูมิธรรมก็สวนกลับว่า จะพยายามอย่างดีที่สุด เพราะตนเองก็ไม่เคยใช้คำว่า "กี้กี้" แทนสตรี อย่างที่ฝ่ายค้านได้พูด ซึ่งเป็นคำที่หยาบคายหยาบโลน สกปรก

ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ขอใช้สิทธิ์พาดพิง และขอให้ถอนที่บอกว่าผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งนายภูมิธรรมก็ยอมถอน ไม่ใช่ผู้นำฝ่ายค้านแต่เป็นฝ่ายค้านบางคน ก่อนจะพูดต่อว่าอย่าให้เสียเวลาเลย จะได้อภิปรายต่อในสาระ

ขณะที่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปพรรคร่วมฝ่ายค้าน  ก็ลุกขึ้นประท้วง นายภูมิธรรมตามข้อบังคับ 69 ว่ามีการเสียดสี ซึ่งเข้าใจว่าที่นายภูมิธรรมพูดถึงคือนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน จึงขอให้ไปเปิดในโซเชียล แต่นายปกรณ์วุฒิยังไม่ทันพูดจบประธานไอ้ที่ประชุมได้ปิดไมค์ และไม่อนุญาตให้พูดต่อขอให้นั่งลง และชี้แจงว่าได้เตือนรัฐมนตรีไปแล้วขอให้เดินหน้าอภิปรายต่อ โดยนายปกรณ์วุฒิยังไม่ยอมนั่งลง แม้ประธานจะขอให้นั่งลงหลายครั้งก็ตาม 

จากนั้นมีนายชุติพงษ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน ลุกขึ้นประท้วงประธานขอให้วางตัวเป็นกลาง และขอให้ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้อธิบายความหมายของคำให้จบ 

จากนั้นนายปกรณ์วุฒิ พยายามจะชี้แจงว่าคำดังกล่าวไม่ได้มีความหมายหยาบโลน จึงขอให้นายภูมิธรรมถอนว่าเป็นคำพูดหยาบโลน 

นายภูมิธรรมจึงขอให้ไปเปิดในกูเกิ้ลดูว่า คำว่า "กี้กี้" หมายถึงอะไร เป็นความหมายหยาบโลนหรือไม่ ซึ่งระหว่างที่พูดนายภูมิธรรมก็ได้กลั้นขำไปด้วย ขณะที่นายกรัฐมนตรีที่นั่งข้าง ๆ ก็หัวเราะโดยนำมือมาป้องปากเอาไว้เช่นกัน  สุดท้ายนายภูมิธรรมก็ยอมถอนออก ทำให้นายเอกราช อุดมอำนวย สส.พรรคประชาชน ได้ลุกขึ้นประท้วงว่ารัฐมนตรีใช้เหลี่ยม 

โดยในที่ประชุมได้ใช้เวลาถกเถียงกับเรื่องคำว่า "กี้กี้" มาสักระยะ ทำให้บรรยากาศในที่ประชุมเริ่มเกิดความวุ่นวายประท้วงไปมา จนนายภราดรต้องปิดไมค์ทั้งห้องประชุม สมาชิกในห้องประชุมจึงพากันลุกขึ้นประท้วงและตะโกนในห้องปีะชุม ทำให้นายภราดร สั่งให้ทุกคนนั่งลงถึง 4 รอบ ก่อนที่นายภราดรจะยืนประท้วงทำให้สมาชิกในที่ประชุมต้องนั่งลงตามข้อบังคับ พร้อมกล่าวว่า ประชาชนอยากติดตามการอภิปรายของนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่การประท้วงไปมาขออย่าให้มารกสภาแห่งนี้

กี้~ กี้~ ช่างภาพพีพีทีวี
"กี้~ กี้~" ป่วนสภาอีกรอบ!

“นายกฯอิ๊งค์” ลั่นรัฐบาลมาถูกทางแล้วแก้ปัญหาฝุ่น

เวลา 21.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจงประเด็นการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ถูกฝ่ายค้านกล่าวหาว่าแก้ปัญหาไม่จริงจัง โดยชี้แจงตอนหนึ่งว่า การแก้ปัญหา PM 2.5 เป็นวาระแห่งชาติอยู่แล้ว และตนเองก็เป็นคนพูดคนแรกให้เรื่องนี้เป็นวาระอาเซียน เพราะปัญหา PM 2.5 ในไทยเป็นฝุ่นควันที่มาจากประเทสเพื่อนบ้าน ซึ่งจะต้องประสานงานกันในทุกระดับ ซึ่งที่ผ่านมาฝุ่นลดลงมากด้วยมาตรการต่างๆที่รัฐบาลทำและเอกชนรวมทั้งประชาชนให้ความร่วมมือ อาทิ มาตารการห้ามเผาในพื้นที่เกษตร การอนุมัติงบกลางเฝ้าระวังไฟป่าซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 50% อนุมัติงบในการทำฝนหลวงแก้ปัญหาน้ำแล้งและบรรเทาปัญหาฝุ่นละออง มาตรการงดรับซื้ออ้อยเผา การตรวจจับรถควันดำมากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 2 เท่า เป็นต้น

“ผลงานที่เห็นทุกวันนี้ที่เป็นรูปธรรม เราคงไม่สามารถทำให้ฝุ่นหายไปในพริบตา แต่เราก็เห็นว่าจุดความร้อนและฝุ่นก็ลดลง จำนวนวันของฝุ่นก็ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อย่างน้อยเราก็คิดแล้วว่ารัฐบาลมาถูกทางแล้ว และเราคงดำเนินการแบบนี้ต่อไป และขอความร่วมมือกับทุกภาคส่วนต่อไป”น.ส.แพทองธาร กล่าว

นอกจากนั้น น.ส.แพทองธาร ยังชี้แจงกรณีถูกกล่าวหาเรื่องพลังงาน ตอนหนึ่งว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยมีการดำเนินการใดๆอย่างที่มีการกล่าวหา ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเป็นการอภิปรายรัฐบาลชุดไหน ซึ่งขอยืนยันว่ารัฐบาลยังไม่เคยอนุมัติซื้อไฟฟ้าเพิ่มกับบริษัทใดๆเลย ส่วนการซื้อขายไฟฟ้าจากเขื่อนประเทศเพื่อนบ้านก็มีการทำสัญญาตั้งแต่รัฐบาลชุดอื่นแล้ว ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และไม่ถูกต้อง เพราะเป็นการอภิปรายผลงานของรัฐบาลชุดอื่น

ส่วนการอภิปรายเรื่องปลาหมอคางดำเทียบกับภาพตัวเองรับดอกไม้นั้น จริงๆก็มีตัวแทนจากกลุ่มสมาคมประมงแห่งประเทศไทย จากหลายจังหวัดมามอบดอกไม้ให้กับตน และบอกว่าขอบคุณนายกฯที่อนุมัติงบ 1,622 ล้านบาท เพื่อชดเชยเรือประมง 923 ลำจากกรณี IUU ซึ่งยืนยันว่าช่วยทุกกลุ่มไม่ว่าประมงพื้นบ้านหรือประมงพาณิชย์ นอกจากนั้นก็ยืนยันว่าในวันที่มีคนมาเรียกร้องเรื่องปลาหมอคางดำหน้าทำเนียบรัฐบาล ก็มีการส่งรองเลขธิการนายกฯไปพูดคุย ยืนยันว่าไม่เคยละเลยพี่น้องประชาชน และยืนยันว่าตนเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องดูและประชาชนทุกจังหวัด อย่างไรก็ตามยืนยันความคิดเห็นของประชาชนสำคัญต่อรัฐบาลอย่างมาก

แพทองธาร ช่างภาพพีพีทีวี
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

"กันวีร์" แฉรัฐบาล ส่งชาวอุยกูร์กลับจีน ไร้มนุษยธรรม 

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 24 มี.ค. 2568 นายกันวีร์ สืบแสง ส.ส. พรรคเป็นธรรม ได้ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยกล่าวถึงประเด็นการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังจีน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลกำลังฉาย "หนังโลกหลายใบ แต่ให้ 'นาย' คนเดียว"

นายกันวีร์ได้นำหลักฐานแชตของชาวอุยกูร์ 40 คน มาเปิดเผยต่อที่ประชุมสภา พร้อมคลิปเสียงยืนยันว่าพวกเขาต้องการเดินทางไปยังประเทศที่สาม และไม่ต้องการกลับไปยังจีน พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานไทยอย่าส่งตัวพวกเขากลับไป

นายกันวีร์ยังระบุว่า การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีนเป็นไปอย่างลึกลับ แม้แต่นายกรัฐมนตรีเองยังไม่ทราบรายละเอียดด้วยซ้ำว่าการส่งตัวเกิดขึ้นแล้ว วันนี้อยากบอกว่ารัฐบาลโกหกมาโดยตลอด การที่รัฐบาลเดินทางไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่จีน เป็นเพียง "ละครคุณธรรม" ที่ต้องการฟอกขาวสิ่งที่ทำ โดยอ้างว่าชาวอุยกูร์สมัครใจกลับไปเอง

"หลักฐานที่รัฐบาลต้องนำมายืนยันคือเสียงของพวกเขาเอง อย่าทำเป็นละครที่เอาคนกลับไปแล้วปิดปากไม่ให้พูด รัฐบาลต้องแสดงหลักฐานการสมัครใจกลับประเทศจากปากของพวกเขาเอง"

นายกันวีร์ยังกล่าวว่า ชีวิตของชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คน อาจดูเล็กน้อยสำหรับรัฐบาล แต่ครอบครัวของพวกเขาที่ถูกแยกออกไปตั้งแต่ปี 2558 ยังคงรอคอยอยู่

การที่รัฐบาลอ้างว่าไม่ต้องการเลือกข้างในความขัดแย้งระหว่างประเทศนั้น แท้จริงแล้ว การกระทำในครั้งนี้เป็นการเลือกข้างไปแล้ว และเป็นการเลือกข้างที่ผิด ซึ่งทำให้ไทยต้องเผชิญกับแรงกดดันจากเวทีระหว่างประเทศ โดยรัฐบาลถูกประณามจากองค์การสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และองค์กรสิทธิมนุษยชน

"รัฐบาลเขียนนโยบายการต่างประเทศด้วยมือ แต่ลบด้วยเท้าของตัวเอง ไม่รักษาคำมั่นว่าจะไม่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง" ก่อนจะทิ้งท้ายว่า "โลกเห็น แต่ไทยไม่เห็น" 

กันวีร์ สืบแสง ช่างภาพพีพีทีวี
นายกันวีร์ สืบแสง ส.ส. พรรคเป็นธรรม

 

“วรภพ” จี้นายกฯตอบปมค่าไฟแพง แฉซื้อไฟนายทุนใกล้ชิดพ่อ

จากนั้น นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวหาว่า โกงค่าไฟประชาชน ทุจริตเชิงนโยบาย สานต่อขบวนการค่าไฟแพง ปล้นเงินประชาชนคนทั้งประเทศไปแลกดีลจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนพลังงานที่สนิทสนมกับนายกรัฐมนตรี โดยบอกว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินหน้าสานต่อการรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียนระยะ 2 รอบ 3,600 เมกะวัตต์ แม้โครงการจะชะลอมา 3 เดือนแล้ว แต่รัฐบาลตั้งใจโกงค่าไฟประชาชน 1 แสนล้านบาทเป็นที่เรียบร้อย

นายวรภพ ชี้ว่า การรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียน 3,600 เมกะวัตต์ ไม่มีการประมูลแข่งขันราคาแต่อย่างใด เพราะมีการกำหนดราคารับซื้อไว้แล้ว ราคาที่รัฐจะรับซื้อเป็นเส้นตรงคงที่ตลอด ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามเทคโนโลยี คำนวณแล้วจะทำให้ค่าไฟของประชาชนเพิ่มขึ้นอีก 1 แสนล้านบาท นอกจากนี้ การรับซื้อไฟฟ้า 3,600 เมกะวัตต์ ยังซ้ำซ้อนกับการเปิดเสรีไฟฟ้าสะอาด 2,000 เมกะวัตต์ของรัฐบาลเอง ที่อนุมติก่อนหน้าไปแล้วในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ช่วงเดือนมิ.ย. 2567 แต่ในเดือน ก.ค. 2567 รัฐบาลแพทองธาร กลับเดินหน้ารับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียน 3,600 เมกะวัตต์ ขณะที่ประเทศไทยมีโรงไฟฟ้าเอกชนล้นเกินอยู่แล้ว หากรัฐรับซื้อไฟฟ้าโดยเกินความต้องการ ราคาก็จะมาหารในบิลค่าไฟของประชาชนทุกคน

นายวรภพ กล่าวหาว่า รัฐบาลเร่งรีบลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกลุ่มทุนพลังงานที่ใกล้ชิดกับครอบครัวนายกรัฐมนตรี  ออกงานกันสนิทสนม ร่วมโต๊ะโซน VIP กันหลายงาน และกลุ่มทุนพลังงานนี้ ก็เป็นก๊วนกอล์ฟกับ คุณพ่อของนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยออกรอบกันหลายครั้งด้วย แต่ถ้ารัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ไม่ได้สานต่อ หรือเอื้อประโยชน์อะไร มันก็คงเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น

นอกจากนั้นนายวรภพ เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกโครงการรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียน เฟส 2 รอบ 3,600 เมกะวัตต์ และเร่งรัดการเปิดเสรีพลังงานสะอาด (Direct PPA) พร้อมขอให้ยกเลิกการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า โครงการรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียน เฟสแรก รอบ 5,200 เมกะวัตต์ ในส่วนที่ยังไม่ได้ลงนาม

วรภพ วิริยะโรจน์ ช่างภาพพีพีทีวี
นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน

"วันนอร์" โต้เดือด "สส.พรรคประชาชน" ปมห้ามพูดชื่อพรรค

ในช่วงของนายวรภพ วิริยะโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ จากพรรคประชาชน ได้อภิปราย โดยได้นำเสนอสไลด์โพสต์จากแฟนเพจของพรรคเพื่อไทย ในเวลา 16.22 น. ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หรือ “นายวันนอร์” ประธานรัฐสภา ได้ควบคุมการประชุมโดยกล่าวตักเตือนด้าน “นายวรภพ” ว่า ตนเองไม่ได้อยากขาดการอภิปราย และยินดีที่จะให้อภิปราย แต่ว่าที่ตนเองได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่า การพูดถึงพรรคการเมือง จะเป็นการไม่เป็นธรรมต่อสมาชิกที่อยู่ในพรรคนั้น ที่ถูกกล่าวถึงกล่าวอ้าง รวมถึงในญัตติที่จะอภิปรายไม่มีการพูดถึงว่าจะอภิปรายเกี่ยวกับพรรคการเมือง ดังนั้นจึงขอให้ผู้ที่อภิปรายพูดให้ครอบคลุมอยู่ในเรื่องที่จะเรื่องที่อยู่ในญัตติเท่านั้น จึงขอความร่วมมือให้ผู้อภิปรายไม่พูดถึงพรรคการเมืองขอฃนายกรัฐมนตรี หรือพรรคการเมืองอื่น ๆ

ต่อมานายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ผู้นำฝ่ายค้าน ได้ลุกขึ้นประท้วง “นายวันนอร์” ในข้อ 9 โดยตั้งคำถามถึงประธานรัฐสภาว่า นายกรัฐมนตรีเป็นแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย ดังนั้นหรือหมายความว่ามาตรฐานของประธานสภาคือ นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยได้ไปหาเสียงไว้กับประชาชนใช่หรือไม่ ดังนั้นเรื่องที่ผู้อภิปรายได้พูดเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันโดยชัดเจน เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย ก็ชัดเจนว่ามีความเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว

ด้าน “นายวันนอร์” ชี้แจงว่าตนเองไม่ได้จำเป็นที่จะต้องไปโต้วาที แต่ในข้อบังคับผู้อภิปรายต้องพูดเฉพาะในญัตติ การพาดพิงถึงพรรคการเมืองจะไม่เป็นธรรมต่อสมาชิกพรรคนั้น เพราะในสมาชิกแต่ละพรรคมีจำนวนมาก บางพรรคจนถึง 100,000 คน ซึ่งผู้อื่นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ถูกอภิปรายอยู่ ฉะนั้นการที่จะไปกล่าวหาก็ไม่ควรเกี่ยวโยงกัน

ด้าน "นายปกรณ์วุฒิ" โต้กลับอีกครั้งว่า ในญัตติระบุไว้ว่า “ไม่ได้ปฏิบัติตามนโยบายที่ได้แถลงไว้” ดังนั้นนโยบายต้องเป็นนโยบายของพรรคการเมืองอยู่แล้ว และถ้าหากไม่สามารถพูดชื่อพรรคการเมืองได้ในรัฐสภา ตนเองก็ไม่รู้ว่าจะมีรัฐสภาไว้ทำไม

 

อนุทินให้กำลังใจ “สู้ ๆ แพทองธาร”

เวลาประมาณ 15.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายตอบข้อสงสัยของฝ่ายค้าน กรณีที่ดินเขากระโดงและที่ดินอัลไพน์

กรณีปัญหาที่ดินเขากระโดง อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลปกครองแล้ว กรณีการเพิกถอนที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์กับกรณีปัญหาที่ดินเขากระโดง ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด ไม่มีการตกลงแลกประโยชน์ใด ๆ แม้แต่เล็กน้อย

ทั้งสองกรณีเกิดขึ้นมาก่อนนายกฯ ที่ชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และผมเองในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง

ดังนั้นอยากเรียนว่า ข้อกล่าวหาจากการอภิปรายไม่มีข้อเท็จจริงหรือมีมูลแต่ประการใด ดังนั้นในฐานะหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่งจึงขออนุญาตชี้แจง และขอจบด้วยคำว่า “สู้ ๆ แพทองธาร” ครับ

นายอนุทินตอบข้อสงสัยกรณีที่ดินเขากระโดงและที่ดินอัลไพน์ ช่างภาพพีพีทีวี
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

"แพทองธาร" แจงเดือด! ลั่นไม่หนีภาษี แถมจ่ายมากกว่า

เวลา 15.17 น. วันที่ 24 มี.ค.68 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภา ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568 หลังนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน พุ่งเป้าไปที่การหนีภาษีของ นางสาวแพทองธาร ว่าอย่าใช้โวหารทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด หรือคลาดเคลื่อน ขอยืนยันทุกอย่าง ดำเนินการปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมา ตามกระบวนการกฎหมาย การที่กล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรีคนนี้หนีภาษี ไม่ได้เป็นความจริงเลย 

แท้จริงๆ แล้วเป็นเรื่องตรงกันข้าม ถึงแม้ดิฉันจะอายุน้อยกว่าท่าน แต่ก็มั่นใจว่า เสียภาษีให้กับรัฐมากกว่าท่าน 

นางสาวแพทองธาร ยังกล่าวอีกว่า เรื่องบัญชีหนี้สิ้น และทรัพย์สิน ที่ทุกคนอยากให้ชี้แจง ขอเข้าใจตรงกันว่า ได้ยื่นต่อ ป.ป.ช.ครบถ้วน ตามขั้นตอนทุกอย่าง นับจากวันที่ได้เข้าดำรงตำแหน่ง

คอนเทนต์แนะนำ
อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568 : "แพทองธาร" แจงเดือด! ลั่นไม่หนีภาษี แถมจ่ายมากกว่า

“ณัฐชา” ซัด “นายกฯอิ๊งค์” ไม่สนรายงานแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ

จากนั้นนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยเคยมีคำกล่าวที่ว่าในน้ำมีปลาในนามีข้าว เคยมีความอุดมสมบูรณ์ แต่รัฐบาลบริหารผิดทิศผิดทาง ทำให้กลายเป็นในนามีสารเคมี ส่วนในน้ำมีหายนะครั้งยิ่งใหญ่ ที่กำลังทำลายทุกแหล่งน้ำของไทย ด้วยการระบาดของปลาหมอคางดำ ซึ่งนับเป็นอาชญากรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย ทำเกษตรกรในพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกว่า 5 แสนราย ใน 19 จังหวัดทั่วประเทศเดือดร้อนอย่างหนัก ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกว่า 1.7 หมื่นแห่งทั่วประเทศได้รับผลกระทบโดยตรง โดยตัวเลขความเสียหายที่เกิดขึ้นกว่า 26,432 ล้านบาทต่อปี

โดยนายณัฐชา บอกว่า การแก้ปัญหาดังกล่าวต้องเริ่มจากความกล้าหาญของรัฐบาล เริ่มจากการหาตัวผู้กระทำความผิดในลำดับแรก และนำเงินทั้งหมดมาชดเชยเยียวยาให้เกษตรกร ซึ่งที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการ อว. ได้นำเสนอรายงานผลการพิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหารวมถึงผลกระทบจากากรนำเข้าปลาหมอคางดำเพื่อการวิจัยพัฒนาสายพันธุ์ในราชอาณาจักรไทย ซึ่งผ่านสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่นายกฯกลับไม่มีการเอารายงานดังกล่าวบรรจุเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ทั้งที่ในรายงานดังกล่าวเขียนไว้ทั้งหมดว่ามีการขออนุญาตนำเข้าปลาหมอคางดำโดยบริษัทเอกชนรายเดียว และสุดท้ายรายงานฉบับนี้ก็เงียบหายเข้ากลีบเมฆ 

หลังจากนายกฯแพทองธารรับตำแหน่งวันที่ 12 ก.ย.2567 รายงานของคณะกรรมาธิการ อว.ได้มีการประกาศวันที่ 25 ก.ย.2567 หลังจากนั้นมีการตั้งกระทู้ถามในสภา ก่อนที่จะมีประชาชน 19 รวมตัวไปยื่นหลังสือถึงนายกฯ แต่ก็ยังไม่มีการพิจารณาไข จนชาวบ้านมีการรวมตัวไปบุกทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา และมีการยื่น 4 ข้อเสนอให้นายกฯแก้ปัญหา แต่ไม่ออกมารับข้อเสนอ แต่กลับมีภาพนายกฯรับช่อดอกไม้จากนักธุรกิจ ซึ่งเป็นภาพบาดตาบาดใจเกษตรกรไทยทั้งประเทศ ทั้งนี้ประชาชนตั้งคำถามว่ารัฐบาลของพรรคเพื่อไทยหัวใจคือนายทุนหรือไม่ เพราะเห็นภาพชัดเจนว่ามีความสนิทสนมกลมกลืนของ 2 ตระกูลใหญ่ระดับประเทศ ซึ่งมีภาพความสัมพันธ์แนบแน่บของตระกูลของนายกรัฐมนตรีกับบริษัทที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของปลาหมดคางดำ

คอนเทนต์แนะนำ
อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568 : “ณัฐชา” ซัด “นายกฯอิ๊งค์” ไม่สนรายงานแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ

ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ช่างภาพพีพีทีวี
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน

วิโรจน์ ซักฟอกนายกฯ ตั้งปมใช้ช่องวางกฎหมายจงใจหนีภาษีรับให้

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้ขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตั้งคำถามการหนีภาษี โยนภาระให้กับประชาชน โดยเฉพาะการโอนหุ้นให้กับแม่และพี่สาว โดยประชาชนสามารถแกะรอยบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งพบว่ามีหนี้อยู่ 9 รายการมูลค่า 4,000 กว่าล้าน แต่มีเอกสารแนบแค่ 9 แผ่น

จึงเชื่อได้ว่า เอกสารแนบคือตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ ตั๋ว PN แทนการจ่ายเงิน โดยไม่มีดอกเบี้ย ไม่มีกำหนดชำระ ฉะนั้นต้องสงสัยว่า เป็นพฤติกรรมการซื้อปลอม เพื่อเอาเปรียบประชาชนโดยมีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้ตั้งแต่ ปี2559 เป็นต้นมา

นายวิโรจน์ ชี้ เจตนาว่า นางสาวแพทองธาร ได้หุ้นมาจากกงสี พี่สาว พี่ชาย พี่สะใภ้และแม่ มูลค่าสูง 4,434.5 ล้านบาท แล้วสร้างธุรกรรมการซื้อปลอม ติ่งต่างทำเป็นซื้อ เพื่อเปลี่ยนจากการได้หุ้นมาเป็นการซื้อ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้ วันนี้หมดเวลา แพทองธาร จะทำกงสีเตรียมกระดาษเงินกระดาษทองทำกงเต็กได้เลย

คำนวนการหนีภาษีของแพทองธารได้หุ้นจากกงสี ต้องเสียภาษีการรับให้ 218.7 ล้านบาท นับเป็นเงินภาษีก้อนมหาศาลมาก หากนำมาอุดหนุนเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด จนถึง 6 ขวบ จะดูแลได้ถึง 5,000 คน  เป็นค่าอาหารกลางวันเด็ก 30,000 คนต่อปีการศึกษา เบี้ยผู้สูงอายุตลอดทั้งปี มากกว่า 3.5 แสนคน

คอนเทนต์แนะนำ
อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568 : วิโรจน์ ชี้นายกฯ ใช้ตั๋ว PN เลี่ยงภาษีการรับให้ หุ้นในกงสี 218 ล้าน

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้า สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ช่างภาพพีพีทีวี
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้า สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน

“บิ๊กป้อม” ฟาดนายกฯ ประเทศชาติไม่ใช่เวทีมือสมัครเล่น

พล.อ.ประวิตรลุกขึ้นยืนอภิปรายในเวลาประมาณ 09.10 น. แต่เกิดความวุ่นวายเล็กน้อย เมื่อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยลุกขึ้นประท้วง

โดยนายก่อแก้วกล่าวว่า ตนเป็น สส. มาตั้งแต่เดือน ส.ค. ปีที่แล้ว เข้าประชุมทุกครั้ง แต่ไม่เคยได้เห็นหน้าผู้อภิปรายท่านนี้ จึงต้องการความชัดเจนว่า พล.อ.ประวิตรเหมาะสมทำหน้าที่อภิปรายหรือไม่

ด้าน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร บอกว่า มีข้อบังคับการประชุม ซึ่งวันนี้ พล.อ.ประวิตรได้มาตามข้อบังคับ ท่านในฐานะสมาชิกฝ่ายค้านจึงสามารถอภิปรายได้ ไม่ได้ผิดข้อบังคับ และขอให้นายก่อแก้วนั่งลง

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยอภิปรายทั้งการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาด, ปัญหาความมั่นคง MOU44, ร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และเรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "นายกฯ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5) ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ท่านทำนิติกรรมอำพราง ยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จเพื่อเลี่ยงภาษี อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง"

พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงบุคลในครอบครัวของนายกฯ โดยระบุว่า "การที่บุคคลในครอบครัวนายกฯ ได้เรียกแกนนำพรรคการเมืองไปพูดคุยจัดตั้งรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า และบุคลในครอบครัวนายกฯ ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล เหนือพรรค ส่อไปในทางครอบงำหรือไม่"

โดยหลังการอภิปรายของ พล.อ.ประวิตร นายกฯ แพทองธารได้ลุกขึ้นตอบโต้สั้น ๆ โดยระบุว่า "สำหรับผ่านหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ดิฉันได้ฟังท่านพูดและลองจับเวลาด้วยตัวเอง พบว่าท่านพูดประมาณ 10 นาที ดิฉันอยากบอกว่า ที่ท่านสมาชิกผู้อาวุโสพูดมาเมื่อครู่ ไม่เป็นความจริงขอบคุณค่ะ"

คอนเทนต์แนะนำ
อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568: “บิ๊กป้อม” ฟาดนายกฯ ประเทศชาติไม่ใช่เวทีมือสมัครเล่น

อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568: “บิ๊กป้อม” ฟาดนายกฯ ประเทศชาติไม่ใช่เวทีมือสมัครเล่น ช่างภาพพีพีทีวี
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี

เปิดอภิปราย ดีลแลกประเทศได้ “ผู้นำนอกระบบ”

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้แถลงเหตุผลของการเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า น.ส.แพทองธาร มีพฤติกรรมไม่ใว้วางใจ ไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม ขาดวุฒิภาวะขาดเจตจำนงบริหารแผ่นดิน จงใจลอยตัวเหนือปัญหา เพียงเพราะเห็นผลประโยชน์ของตัวเองและครอบครัว

การได้นายทักษิณกลับมาอีกครั้ง ดูเพินๆเหมือนประเทศไทยจะได้ผู้นำแพ็คคู่ คนหนึ่งดูดีมีประสบการณ์เดินสายทำงานนอกทำเนียบ โชว์วิชันใหม่ได้ทุกเวที ส่วนอีกคนเป็นคนรุ่นใหม่ทำงานในทำเนียบพร้อมประสานการทำงานกับคนรุ่นเก่า แต่ในความเป็นจริงเรากำลังได้ผู้นำนอกระบบที่ทำงานนอกทำเนียบ เป็นคนชี้นำ เป็นคนให้ข้อมูลนโยบายนำหน้ารัฐบาล โดยปราศจากความรับผิดชอบใดๆ เพราะไม่ถูกตรวจสอบ

 

คอนเทนต์แนะนำ
อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568 : “เท้ง” เปิดอภิปราย ดีลแลกประเทศได้ “ผู้นำนอกระบบ-เอื้อกลุ่มทุน”

อภิปรายไม่ไว้วางใจ ช่างภาพพีพีทีวี
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

นายกฯ เผย "ทักษิณ" ติวการบ้านซักฟอกให้

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณณ์ก่อนที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568 ว่า เมื่อคืนนี้นอนหลับสบาย ไม่ตื่นเต้นที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นครั้งแรก

ส่วนกรณีเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าได้ติวการบ้านเตรียมพร้อมรับศึกอภิปรายให้นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวานนี้ นายทักษิณแวะไปเจอที่บ้าน ก่อนที่จะไปงานแต่งก็มาคุยกันเรื่องประเด็นในการซักถามกัน ทั้งนี้ยอมรับว่า นายทักษิณจะมอนิเตอร์การอภิปราย และเมื่อสักครู่เพิ่งวางสายจากนายทักษิณที่โทรศัพท์มาให้กำลังใจ พร้อมย้ำว่ามีอะไรให้โทรศัพท์มาได้เลย

“วันนี้นายทักษิณบอกว่า “วันนี้สแตนด์บายมีอะไรโทรมาถามได้ เป็นการให้กำลังใจ และเป็นแบบนี้มาโดยตลอดทั้งชีวิตอยู่แล้ว” นางสาวแพทองธาร กล่าว

ส่วนการอภิปรายที่อาจจะมีประเด็นาดพิงถึงตระกูลชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีข้อมูลอะไรก็ตอบไปตามนั้น ไม่มีอะไร

ส่วนกระแสข่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิมอยู่บำรุง สส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย จะใช้โควตาฝ่ายค้านพรรคพลังประชารัฐในการขึ้นอภิปรายนายกฯ ได้ยินเรื่องนี้มาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ทราบ และเห็นทางพรรคบอกว่าท่านไม่ได้อภิปราย ซึ่งคิดว่า ร.ต.อ.เฉลิม คงไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ

เมื่อถามถึงกรณีที่จะถูก พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะอภิปรายเป็นครั้งแรกตื่นเต้น หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ย้อนถามกลับว่า คงต้องไปถามท่านว่าตื่นเต้นหรือไม่

นายกฯ อิ๊งค์ ช่างภาพพีพีทีวี
อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568 รัฐบาล "แพทองธาร ชินวัตร"

ฝ่ายค้านซัด "อิ๊งค์" ประพฤติตนเสมือนนายกฯหุ่นเชิด

สาระสำคัญของญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ระบุว่า “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เป็นผู้มีพฤติการณ์อันไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป เนื่องจากไม่มีคุณสมับัติและไม่มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายบริหารด้วยประการทั้งปวง ทั้งขาดภาวะผู้นำ ขาดวุฒิภาวะ ขาดความรู้ความสามารถ และขาดเจตจำนงในการบริหารราชการแผ่นดินที่จะแก้ปัญหาให้แก่ประเทศชาติและประชาชน

ส่งผลให้ทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศชาติ จงใจลอยตัวอยู่เหนือปัญหาและไม่มีความรับผิดชอบชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ เพียงเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเอง ครอบครัว และพวกพ้องเป็นตัวตั้ง อยู่เหนือผลประโยชน์ของส่วนรวม

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ยังไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์เอาเปรียบประชาชน เอาเปรียบสังคม โกทกหลอกลวง ไม่ดำเนินการตามนโยบายที่ให้สัญญาไว้กับประชาชน เป็นนั่งร้านช่วยเหลือต่างตอบแทนกลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิบไตย บริหารบ้านเมืองผิดพลาด ล้มเหลว อย่างร้ายแรง ทั้งในด้านการเมือง การปฏิรูปกองทัพ ความมั่นคง เศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม ทำลายนิติรัฐ ทำลายระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา เจตนา ตลอดจนปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจจิตคอร์รัปชันภายใต้การบริหารงานของตนเอง

ทั้งยังทุจริตเชิงนโยบาย บริหารบ้านเมืองเพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่พวกพ้องและกลุ่มทุมทุน แต่งตั้งบุคคลที่ขาดความเหมาะสม ขาดความรู้ความสามารถ หรือไม่ซื่อสัตย์สุจริตไปเป็นรัฐมนตรีหรือตำแหน่งสำคัญอื่น

นอกจากนี้ยังสมัครใจยินยอมให้บุคคลในครอบครัว ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการ อันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีบุคคลในครอบครัวเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ช่างภาพพีพีทีวี
อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568 รัฐบาล "แพทองธาร ชินวัตร"

Bottom-PL-HLW Bottom-PL-HLW

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ