เปรูพบน้ำมันรั่วลงทะเล 1.9 ล้านลิตร มากกว่าที่รายงาน 2 เท่า
น้ำมันรั่วปนเปื้อนชายหาดแคลิฟอร์เนีย เริ่มพบสัตว์ตาย
สั่งปิดหาดแม่รำพึง 10 วัน เร่งกู้คราบน้ำมันดิบ คลื่นซัดเข้าฝั่ง
เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 65 จังหวัดนาโปที่อยู่ทางตะวันออกของเอกวาดอร์ เกิดฝนตกหนัก ส่งผลให้เกิดดินโคลนถล่มตามมา ทำให้เกิดอุบัติเหตุก้อนหินขนาดใหญ่ตกลงมากระแทกกับท่อส่งน้ำมันของบริษัทเอกชน OCP ในเอกวาดอร์จนได้รับความเสียหาย
ทั้งรัฐบาลและบริษัทเอกชน OCP ยังไม่ได้ประเมินความเสียหายที่ชัดเจน แต่หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมอธิบายว่าเป็นมลพิษที่สำคัญอย่างยิ่งต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากน้ำมันปริมาณมากรั่วไหลออกมา
รายงานจากบริษัท OCP ทางบริษัทได้หยุดสูบจ่ายน้ำมันดิบแล้ว และในวันที่ 31 ม.ค.ทางบริษัทได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญจาก 3 แห่งเพื่อดำเนินการทำความสะอาดและแก้ไขสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดจากกระทรวงสิ่งแวดล้อมของเอกวาดอร์ น้ำมันที่รั่วไหลออกมานี้ได้ไหลมาถึงพื้นที่เขตอุทยานในผืนป่าแอมะซอนแล้ว โดยรายงานระบุว่า ความเสียหายจากน้ำมันรั่วกินพื้นที่กว้าง 2 เฮกตาร์ หรือราว 0.02 ตารางกิโลเมตร
รวมถึงมีรายงานว่า ประชาชนพบคราบน้ำมันบนฝั่งของแม่น้ำโคคา และน้ำมันยังปนเปื้อนลงไปยังแม่น้ำโคคาด้วย ซึ่งแม่น้ำนี้เป็นแม่น้ำสายหลักที่ใช้ชุมชนคนพื้นเมืองบริเวณนั้นใช้อุปโภคและบริโภค
อุทยานดังกล่าวที่มีเนื้อที่ 400,000 เฮกตาร์ หรือราว 4,000 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิด รวมถึงกวางบรอกเก็ตแดงและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำหลายสายพันธุ์ อีกทั้งยังเป็นแหล่งสำรองน้ำสำคัญของประเทศ ที่ผ่านมาพื้นที่แห่งนี้ถูกคุกคามจากหลายปัจจัยมากกว่าแค่อุบัติเหตุจากน้ำมันรั่วไหล เช่น การตัดไม้อย่างผิดกฎหมาย และกิจกรรมอื่นๆ ของมนุษย์ที่กำลังสร้างความเสียหายให้กับป่าฝนแอมะซอน
นักเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการมากขึ้นเพื่อปกป้องสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ รวมถึงชุมชนพื้นเมืองที่พึ่งพาที่ดินและแหล่งน้ำเพื่อความอยู่รอด
อุบัติเหตุดังกล่าวทำให้เมื่อที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา รัฐบาลได้เริ่มดำเนินการทางกฎหมายและการบริหารกับบริษัท OCP โดยเสริมว่าได้ขอให้บริษัทดำเนินการสอบสวนโดยละเอียดเพื่อวัดผลกระทบของการรั่วไหล
โดย โฮร์เฮร์ เวาเดลีฮา ผู้บริหารของบริษัท OCP ออกมาชี้แจงว่าในขณะนี้เจ้าหน้าที่ของบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการทำความสะอาดและฟื้นฟูสภาพแวดล้อม และจะเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในละแวกนั้น
ด้านองค์กรชนพื้นเมืองและองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมกำลังเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเผยแพร่ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีนักเคลื่อนไหวและชนพื้นเมืองจำนวนมากออกมาต่อต้านการทำลายสิ่งแวดล้อมในป่าแอมะซอน รวมถึงการสร้างท่อส่งน้ำมันใกล้กับผืนป่า
อีกทั้งอุบัติเหตุทำนองนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกในเอกวาดอร์ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2020 การกัดเซาะของแม่น้ำโคคาทำให้เกิดปัญหากับทั้งท่อส่งน้ำมันของบริษัท OCP และท่อส่งก๊าซของรัฐ ส่งผลให้ท่อทั้งสองถูกระงับการใช้งาน รัฐบาลต้องประกาศเหตุสุดวิสัยในช่วงเดือนธันวาคม และย้อนไปเมื่อเดือนพฤษภาคม เอกวาดอร์เกิดดินถล่มเสียหายส่งกระทบต่อท่อส่งน้ำมัน ทำให้มีน้ำมัน 15,000 บาร์เรล หรือราว 2 ล้านลิตรรั่วไหล สร้างมลพิษต่อแม่น้ำแอมะซอน 3 แห่ง และส่งผลกระทบต่อชุมชนริมแม่น้ำเช่นเดียวกับในตอนนี้
ปิโตรเลียมดิบเป็นสินค้าส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเอกวาดอร์ ท่อส่งของ OCP สามารถขนส่งน้ำมันดิบได้มากถึง 450,000 บาร์เรลต่อวัน หรือราว 71 ล้านลิตร โดยรายงานจากธนาคารกลางของเอกวาดอร์ การส่งออกน้ำมันในปี 2020 คิดเป็น GDP ราวร้อยละ 8 ของประเทศ