วันตรุษจีน หรือวันขึ้นปีใหม่ของจีน เป็นเทศกาลที่ผู้มีเชื้อสายชาวจีนจะมีการไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษต่างๆ ด้วยอาหารมงคล ผลไม้ และเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ ตามธรรมเนียมปฏิบัติ เพื่อเสริมสิริมงคลให้กับชีวิตของรับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ศักราชใหม่
ในปีนี้วันตรุษจีน จะตรงกับวันที่ 20-22 มกราคม 2566 ประกอบไปด้วยวันสำคัญ 3 วัน คือ วันจ่าย วันไหว้ และวันเที่ยวตามลำดับ ซึ่งในวันที่จะมีการจัดโต๊ะเพื่อไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษนั้น จะตรงกับวันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2566
การจัดโต๊ะไหว้ มีความเชื่อกันว่า หากครอบครัวใดมีการเตรียมของไหว้อย่างถูกหลักแล้วล่ะก็ จะช่วยเสริมความเป็นสิริมงคล มีเงินทองไหลมาเทมา ดังนั้นแล้วจะจัดโต๊ะไหว้ตรุษจีนอย่างไรให้ถูกหลัก เช็กได้ที่นี่!
จัดโต๊ะไหว้ตรุษจีน
จุดที่ 1 : จัดวางโต๊ะไหว้ไว้ในบริเวณหน้าเทวรูป หรือแท่นบูชา
จุดที่ 2 : กระถางธูปให้วางไว้หน้าแท่นบูชา หรือเทวรูป เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
จุดที่ 3 : วางเชิงเทียนและแจกันดอกไม้ ขนาบข้างซ้ายและขวาของกระถางธูป เป็นสัญลักษณ์แทนความสว่างไสวและความเจริญงอกงาม
จุดที่ 4 : ข้าว ซึ่งส่วนใหญ่จะไหว้จำนวน 5 หรือ 3 ถ้วย โดยต้องตักข้าวให้พูนถ้วย เพื่อแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์
จุดที่ 5 : ถ้วยน้ำชา หรือถ้วยเหล้า
จุดที่ 6 : ถ้วยน้ำดื่ม
จุดที่ 7 : ของคาว หรือที่เรียกว่า “ซาแซ” เครื่องเซ่นไหว้ 3 อย่าง หรือ “โหวงแซ” เครื่องเซ่นไหว้ 5 อย่าง ซึ่งจะต้องมีเนื้อสัตว์ครบ 3 ประเภท คือ สัตว์มีกีบที่เท้าอย่างหมู สัตว์มีปีก เช่น ไก่หรือเป็ด และสัตว์มีครีบอย่างปลา แต่ถ้าจัดโต๊ะไหว้บรรพบุรุษจะต้องมีกับข้าวที่มีน้ำซุปเป็นส่วนประกอบด้วย
จุดที่ 8 : ของหวานหรือผลไม้ ส่วนใหญ่จะจัดจำนวนเท่ากับของคาวที่ไหว้
จุดที่ 9 : วางกระดาษเงิน กระดาษทอง ไว้บนโต๊ะไหว้
ขั้นตอนการไหว้ตรุษจีน
การไหว้ตรุษจีน จะแบ่งลำดับการไหว้ออกเป็น 3 ช่วงเวลา คือ
1.) ไหว้เทพเจ้า เวลา 06.00-07.00 น.
จะไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ที่คุ้นเคยกันคือ "ตี่จู๋เอ๊ยะ" และเทพเจ้าที่ชาวจีนนับถือ ด้วยเครื่องไหว้ที่เป็นเนื้อสัตว์ 3 หรือ 5 อย่าง เช่น หมูสามชั้น ไก่ต้ม และ เป็ดต้ม พร้อมด้วยเหล้าจีนหรือน้ำชา และกระดาษเงิน กระดาษทอง
2.) ไหว้บรรพบุรุษ เวลา 10.00-11.00 น.
จะไหว้ด้วยเนื้อสัตว์ กับข้าว ขนมหวาน ผลไม้ เครื่องดื่ม รวมถึงการเผากระดาษเงินกระดาษทอง และเสื้อกระดาษกงเต็กให้กับบรรพบุรุษ หลังจากไหว้บรรพบุรุษเสร็จแล้ว เมื่อธูปดับจนหมด ก็จะเริ่มนำของไหว้มาทานร่วมกันทั้งครอบครัว และแลกเปลี่ยนอั่งเปากัน
3.) ไหว้ผีไร้ญาติ เวลา 14.00-16.00 น.
จะไหว้ด้วยข้าวสวย กับข้าว และขนมหวาน เช่น ขนมเข่ง ขนมเทียน และกระดาษเงินกระดาษทอง เมื่อไหว้เสร็จแล้วให้จุดประทัด เพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป
4.) ไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ เวลา 23.00-02.59 น. ของวันที่ 21 มกราคม 2566
เพื่อเป็นการขอโชคลาภในโอกาสที่ “เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย” จะลงมา ซึ่งเกิดขึ้นปีละครั้ง ในปีนี้ให้จัดโต๊ะไหว้ใว้ในทางทิศตะวันออก เพราะเชื่อว่าท่านจะเดินทางมาประทับจากทิศดังกล่าว
ไหว้ตรุษจีนใช้ธูปกี่ดอก
1.) ไหว้เทพเจ้า รวมถึงเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย : ใช้ธูป 3 ดอก
2.) ไหว้บรรพบุรุษ : ใช้ธูป 3 ดอก
3.) ไหว้สัมภเวสี ผีไร้ญาติ : ใช้ธูป 1 ดอก
ของไหว้ตรุษจีน
1.) ของคาว
- หมู หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์
- ไก่ หมายถึง ความเป็นสิริมงคลและความขยันขันแข็ง
- เป็ดและปู หมายถึง การได้ตำแหน่ง
- หมึกและปลา หมายถึง เหลือกิน เหลือใช้
- บะหมี่ยาว หรือ หมี่สั้ว หมายถึง อายุยืนยาว
หมายเหตุ : ถ้าเลือกไหว้ 3 อย่าง ได้แก่ หมู, เป็ด และ ไก่ แต่ถ้าเลือกไหว้ 5 อย่าง ได้แก่ หมู, เป็ด, ไก่, ปลา หรืออาหารทะเล และ หมี่สั้ว
2.) ผลไม้
- ส้ม หมายถึง สิริมงคล
- องุ่น หมายถึง การเฟื่องฟู
- กล้วยหอมและสัปปะรด หมายถึง การเรียกโชคลาภเข้ามา
- แอปเปิ้ล หมายถึง ความสุขสงบในชีวิต
- สาลี่ หมายถึง โชคลาภที่กำลังจะมาถึง (ไม่นิยมนำมาไหว้บรรพบุรุษ และวิยญาณไร้ญาติ)
3.) ของหวาน
- ขนมถ้วยฟู หมายถึง ชีวิตรุ่งเรืองเฟื่องฟู
- ซาลาเปา หมายถึง ห่อความสุข ห่อโชค ห่อลาภ
- ขนมเข่ง หมายถึง เจริญก้าวหน้า ชีวิตรุ่งเรื่องเฟื่องฟู
- ขนมบัวลอยจีน หมายถึง ความกลมเกลี่ยว ผูกพันของครอบครัว
- ขนมไข่ หมายถึง ความเจริญเติบโต
- ขนมจันอับ หมายถึง มีความสุขตลอดไป
- สาลี่ หมายถึง รุ่งเรือง
ไม่สะดวกเตรียมของทั้งหมด จัดพอเหมาะสมได้
สำหรับใครที่ไม่สะดวกจัดเตรียมของได้ทั้งหมด แต่อยากรักษาประเพณีไว้ นายเศรษฐพงศ์ จงสงวน ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนวิทยา บอกว่า หลักการของประเพณีจีนถือความกตัญญูเป็นหลัก ส่วนการจัดพิธีกรรมต่างๆ ถือเป็นแค่เปลือกนอก สาระในวันตรุษจีนคือระลึกถึงบรรพบุรุษ พ่อแม่ หรือผู้ที่มีอุปการะคุณแก่เรา
ถ้าเราไม่พร้อมจัดของไหว้ให้ดูตามความเหมาะสม อาจมีแค่จัดผลไม้สักจานหนึ่ง หรืออาหารที่บรรพบุรุษชอบ ก็ถือว่าเป็นการแสดงความเคารพได้พอสมควรแล้ว