เด็กติดอยู่ในรถเกิดขึ้นได้หลายปัจจัย เช่น เด็กวัยซนที่เผลอไปกดปลุ่มล็อกประตูรถ เจ้าหน้าที่รถประจำทางตรวจสอบเด็กที่ลงจากรถไม่ครบ
สำหรับประเทศไทย ข้อมูลจากกรมควบคุมโรคตั้งแต่ปี 2557 - 2563 พบว่า สถานการณ์เด็กที่ถูกลืมและทิ้งให้อยู่ในรถตามลำพังเกิดขึ้นรวมทั้งสิ้น 129 ครั้ง มีจำนวนเด็กเสียชีวิต 6 ราย มากกว่า 50% อายุน้อยกว่า 2 ปี โดยมักเกิดเหตุขณะเด็กนอนหลับ ร่วมกับผู้ปกครองมีประวัติเคยปล่อยให้เด็กอยู่บรรถตามลำพังมาก่อนหลายครั้ง
ดังนั้นเพื่อป้องกันเหตุการณ์เด็กติดอยู่ในรถ ควรสอนเด็ก ๆ เกี่ยวกับการช่วยเหลือตนเองดังนี้
1. การกดแตรรถ สอนให้เด็กรู้ว่าแตรรถอยู่ตรงไหนและใช้งานอย่างไร เพื่อส่งเสียงให้มีผู้อื่นมาช่วยเหลือ
2. การปลดล็อกประตูเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ควรสอนให้เด็กกดปลดล็อกประตูรถด้วยตนเองให้เป็น
3. เปิดไฟฉุกเฉิน ควรสอนให้เด็กจำสัญลักษณ์และตำแหน่งไฟฉุกเฉินฯ เพื่อขอความช่วยเหลือ
4. ฝึกเปิดประตู ควรสอนและชี้ให้เด็กรู้ว่า จุดเปิดประตูรถอยู่ตรงไหน ทั้งรถเก๋ง รถกระบะ และรถตู้ ฝึกให้เด็กเปิดตัวตนเอง
5. ฝึกการเปิดกระจก สอนให้เด็กรู้ว่าจุดเปิดกระจกอยู่ที่ไหน และลองให้เด็กฝึกเปิดด้วยตนเอง
6. การฝึกใช้โทรศัพท์มือถือ หากเป็นเด็กที่มีอายุอยู่ในวัยเรียนรู้สามารถฝึกให้ใช้โทรศัพท์มือถือ โดยอาจตั้งเป็นเบอร์โทรศัพท์ด่วน เพื่อโทรศัพท์หาผู้ปกครองได้ทันที
สำหรับผู้ขับรถรับส่งนักเรียนหรือคุณครูประจำรถต้องนับจำนวนเด็กทุกครั้งที่ขึ้นและลงจากรถ จึงค่อยอนุญาตให้รถโรงเรียนออกไปจากจุดรับส่งได้ เมื่อพบว่าเด็กที่มากับรถโรงเรียนมีจำนวนไม่ครบ ควรรีบเช็ก หาไม่พบควรติดต่อหาผู้ปกครองของเด็กทันที หากคุณพบเจอเด็กที่ติดอยู่ในรถ และมีอาการหมดสติควรนำเด็กออกจากรถให้เร็วที่สุด พาเด็กเข้าที่ร่ม เช็ดตัวเพื่อระบายความร้อน ดูการหายใจ หากเด็กไม่หายใจ ไม่ตอบสนอง ให้ทำการช่วยฟื้นคืนชีพโดยการเป่าปากและปั๊มหัวใจทันที ร่วมกับแจ้งสายด่วน หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว