คำว่า “เจ” ในภาษาจีนทางพระพุทธศาสนา หมายถึง “การรักษาศีล 8” ซึ่งหากใครเคยไปปฏิบัติธรรม จะเข้าใจว่าจะต้องไม่บริโภคอะไรหลังเที่ยงวัน และไม่บริโภคเนื้อสัตว์ เพื่อไม่เบียดเบียนต่อสิ่งมีชีวิต
ในช่วงเทศกาลกินเจ ผู้คนจึงยึดถือแนวปฏิบัติกันมาว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวจะงดเว้นเนื้อสัตว์ อาหารและเครื่องปรุงที่มีกลิ่นฉุน และรักษาศีล ประพฤติตัวเป็นคนดีทั้งกาย วาจา ใจ อีกด้วย
ทำไมต้อง “ล้างท้องก่อนกินเจ” เปิดข้อปฏิบัติ ต้อนรับเทศกาลกินเจ 2567
"กินเจ" มีประโยชน์อย่างไร ทำไมถึงกลายเป็นเทศกาลสำคัญในไทย
แน่นอนว่า เมื่อถึงช่วงเวลากินเจ คนที่กินเจทั้งหลายนอกจากจะคร่ำเคร่งไปกับการสร้างบุญสร้างกุศลแล้ว ยังฝักใฝ่อยู่กับการละเว้นเนื้อสัตว์ด้วย ว่าอะไรกินได้หรือไม่ได้บ้าง
แต่ที่คนมักสงสัยกันคือ “หอยนางรม” ทั้ง ๆ ที่เป็นเนื้อสัตว์ แต่ทำไมบางคนถึงบอกว่าเป็นอาหารเจ แล้วแบบนี้เชื่อได้หรือไม่ หอยนางรมเป็นอาหารเจจริงหรือหลอก วันนี้ทีมข่าว นิวมีเดีย พีพีทีวี ได้รวบรวมคำตอบมาให้ทุกคนกัน!
“หอยนางรม” เป็นอาหารเจจริงหรือไม่
หอยนางรมเป็นหนึ่งในอาหารทะเลและถือว่าเป็นสัตว์ทะเลชนิดหนึ่ง แต่ถูกยกเว้นให้เป็นอาหารเจ เกิดขึ้นมาจากความเชื่อและตำนานที่เล่าต่อ ๆ กันมาว่า
เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านพาประชาชนที่นับถือในพระพุทธศาสนาหนีตายจากการเข่นฆ่าของพระเจ้าเมี่ยวจวงลงเรือออกทะเล บ้างก็ว่าเป็นสาวกของเจ้าแม่กวนอิมเดินทางออกไปแสวงบุญแล้วเสบียงอาหารหมด
แต่ทั้ง 2 ตำนานมีความคล้ายคลึงกันตรงที่การเดินทางออกทะเลด้วยหนทางที่ยาวไกลและใช้ชีวิตอยู่กลางทะเลมาเป็นเวลานาน จนเสบียงต่าง ๆ บนเรือนั้นเริ่มหมดไป ก็ทำให้เกิดความหิวโหย แต่ครั้นจะหาจับสัตว์หรือปลาในท้องทะเลกินนั้นก็จะเป็นการทำบาปต่อสัตว์โลก ไม่ตรงจุดประสงค์ในการมาแสวงบุญ
ทุกคนจึงอธิฐานว่า จะลองเอาไม้พายจุ่มลงไปในทะเล ถ้าหากมีสิ่งใดติดขึ้นมาก็จะกินสิ่งนั้นเป็นอาหาร ปรากฎว่ามีหอยนางรมติดไม้พายขึ้นมา ก็เลยนำหอยนางรมขึ้นมากินเป็นอาหาร จากเรื่องเล่านี้เองที่ทำให้หอยนางรมเป็นอาหารที่สามารถรับประทานได้ในช่วงกินเจนั่นเอง
ขณะเดียวกันก็มีตำนานเล่าขานว่า เมื่อครั้งพระถังซำจั๋งเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกยังชมพูทวีป (ประเทศอินเดียในปัจจุบัน) ระหว่างทางไม่สามารถหาสิ่งใดฉันได้เลย จึงตั้งจิตอธิษฐานว่าหากมีสิ่งใดที่อาตมาฉันได้โดยไม่ผิดบาป ขอจงปรากฏขึ้นมาเป็นภักษาหารด้วยเถิด ปรากฏว่าหอยนางรมผุดขึ้นมาจากดินเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้จึงถือว่าหอยนางรมเป็นของเจ ผู้ที่กินเจจึงสามารถรับประทานหอยนางรมได้
แต่บางตำนานก็กล่าวว่า หอยนางรมเป็นสัตว์ที่ไม่มีเลือดสามารถกินได้ในช่วงเทศกาลกินเจ
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละคนว่า สมเหตุสมผลหรือไม่ เพราะนี่ก็เป็นเพียงตำนานที่เล่าต่อ ๆ กันมาเท่านั้น ไม่มีหลักฐานอ้างอิง

ประโยชน์ของ “หอยนางรม”
หอยนางรม ขึ้นชื่อเรื่องช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย จึงทำให้เป็นที่หมายปองสำหรับผู้ชายกันเป็นส่วนใหญ่ ส่วนสาเหตุที่ทำให้เป็นที่ต้องการสำหรับหนุ่ม ๆ นั้น เพราะว่าในหอยนางรมมี “แร่ธาตุสังกะสี” สูงกว่าประเภทอื่น ซึ่งสังกะสีจะช่วยให้สเปิร์มของผูชายคึกคักและสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเอง
มากกว่านั้นยังมีสารคล้ายฮอร์โมน “พลอสตาแกลนดิน” ที่ทำให้ร่างกายมีความตื่นตัวและตอบสนองทางเพศได้ดีอีกด้วย แถมยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดต่อมลูกหมากบวมอักเสบได้อีก
ส่วนสำหรับผู้หญิงนั้นใช่ว่าหอยนางรมจะไม่มีประโยชน์เลย “แร่ธาตุสังกะสี” จะช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนโปรเจสเทอโรนที่ช่วยในการตกไข่ และทำหน้าที่ในการเตรียมเยื่อเมือกสำหรับรับการกระตุ้นได้ อีกทั้งยังช่วยพัฒนาความสมบูรณ์ของเซลล์ไข่ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการมีลูกด้วย
ที่สำคัญยังมีแร่ธาตุอื่น ๆ อาทิ แมกนีเซียม วิตามินบี 12 วิตามินดี โปรตีน และโอเมก้า 3 ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
อันตรายของการกิน “หอยนางรม”
หอยนางรม มีคุณค่าทางโภชนาการสูงก็จริง แต่การกินหอยนางรมสด ๆ นั้น อาจก่อให้เกิดอันตรายยิ่งกว่า องค์การอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) เตือนว่าการกินหอยนางรมสด ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ "วิบริโอ พาราเฮโมไลติคัส" ซึ่งเป็นแบคทีเรียขนาดเล็กที่พบได้ทั่วไปตามน้ำทะเลบริเวณปากอ่าวแม่น้ำ และบริเวณชายฝั่งทะเลปิด ซึ่งเป็นเชื้อที่พบได้ในสัตว์น้ำเกือบทุกชนิด แต่มีโอกาสพบมากในสัตว์ประเภทหอย และหากร่างกายได้รับเชื้อดังกล่าว จะทำให้เกิดอาการติดเชื้อในกระเพาะอาหาร ลำไส้อักเสบ ทำให้เกิดอาการท้องเสียและมีไข้สูง โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนๆ แบบนี้ ยิ่งจะยิ่งมีความเสี่ยงในการติดเชื้อดังกล่าวเพิ่มไปอีก
นอกจากนี้ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทย ยังเตือนอีกว่า หอยนางรมมีคอเลสเตอรอลสูง ทำให้การกินหอยนางรม ไม่ใช่แค่การเพิ่มแร่ธาตุสังกะสีเพื่อเสริมสมรรถภาพทางเพศเท่านั้น แต่ยังทำให้ร่างกายสะสมคอเลสเตอรอลเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก
ดังนั้นหากจะรับประทานหอยนางรม ควรหันมาทานในปริมาณที่เหมาะสม เพียงแค่ 2-3 ตัวก็ได้แร่ธาตุสังกะสีและคอเลสเตอรอลเกินพอแล้วสำหรับร่างกาย ที่สำคัญอย่าลืมนำผ่านความร้อนสักนิดเพื่อฆ่าเชื้อโรค และไม่ต้องกลัวว่าวิธีนี้จะทำให้แร่ธาตุต่าง ๆ หายไป
ขอบคุณข้อมูลจาก : คลังความรู้ SciMath, ศิลปวัฒนธรรม และ POBPAD
ขอบคุณภาพจาก : ShutterStock
“กลุ่มฮามาส” คือใคร? มีจุดประสงค์อะไรจึงต้องโจมตีอิสราเอล?
สภาพอากาศวันนี้ ฝนถล่ม 54 พื้นที่ เหนือ-อีสาน ฝนตกหนักถึงหนักมาก!