ศึกเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ครั้งนี้ รองศาสตร์จารย์ สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยรามคำแหง ในฐานะที่ติดตามการเมืองสนามกทม.มางยาวนาน มองว่า การแข่งขันรอบนี้ เข้มข้นกว่า 2 ครั้งที่ผ่านมา เพราะไม่มีการเลือกตั้งมานานถึง 8 ปี ชาวกรุงเทพมหานครมีความกระหายที่จ เลือกตัวแทนมาแก้ไขปัญหา โดยเชื่อว่าการลงคะแนน ขึ้นอยู่กับปัจจัยท้องถิ่น มากกว่า ความขัดแย้งระดับชาติ เพราะการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. 2 ครั้งล่าสุด ความขัดแย้งระดับชาติมามีผลต่อการเลือกตั้ง
แต่ครั้งนี้ไม่เป็นเช่นนั้นเพราะความขัดแย้งระดับชาติแบ่งเป็นหลายระดับ เช่นผู้สมัครที่มีทั้งสนับสนุนรัฐบาล และอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาล
ทั้งนี้ส่วนวาทะกรรมทางการเมืองอย่างในอดีตที่สร้างความกลัวให้กับประชาชนจนเลือกผู้สมัครอีกคน เช่น “ไม่เลือกเราเขามาแน่” อาจารย์สุขุมมองว่า ครั้งนี้อาจจะไม่เกิดปรากฏการณ์เช่นนั้น เพราะประชาชนสนใจนโยบายมากกว่า แต่อย่าประมาทอะไรก็เกิดขึ้นได้
สำหรับผู้ที่จะชี้ชะตาว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัยในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ครั้งนี้ นายสติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการ สำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า วิเคราะห์ระบุว่า จะเป็นกลุ่มคนที่มีอายุ เกิน 35 - 55 ปี ซึ่งมีสัดส่วนสูงที่สุด ขณะที่เด็กรุ่นใหม่ ที่มีอยู่ประมาณ 7 แสนคน หรือประมาณ 16% ของประชากรทั้งหมด ก็เป็นอีกกลุ่มพลังเสียงที่มีความสำคัญ โดยเด็กรุ่นใหม่ที่เคยเลือกตั้ง ส.ส. แล้วอาจพอเดาทิศทางการเลือกในครั้งนี้ได้ ส่วนเด็กที่เป็น First Time Voter แม้จะพอเดาทิศทางได้ แต่ก็มีโอกาสเปลี่ยนใจได้มากกว่า ซึ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่ และวัยผู้ใหญ่ นายสติธร วิเคราะห์ ว่าทั้งสองกลุ่มนี้มีวิธีการตัดสินใจ และการเข้าถึงที่ต่างกัน กลุ่มวัยผู้ใหญ่ อาจมองนโยบายในภาพรวม แต่คนรุ่นใหม่จะเน้นที่วิธีการในการแก้ปัญหา เช่น ปัญหาฝุ่นจะแก้ยังไง เศรษฐกิจ จะแก้ยังไง เพื่อนำมาประเมินว่าทำได้จริงได้ไหม และผู้สมัครมีความสามารถ ที่จะทำได้หรือไม่ ดังนั้นวิธีการสื่อสารของทั้งสองกลุ่มจึงไม่สามารถทำแบบหว่านกว้างๆ ได้
ขณะที่ส่วนวันที่ 31 มี.ค. นี้ สิ่งที่น่าจับตาคือเบอร์ของผู้สมัคร เพราะจะเป็นปัจจัยแรก ๆ ในการสร้างความจดจำ รวมถึงหน้าตาของทีม ส.ก. ที่จะมีผลต่อทิศทางของคะแนนด้วย
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP การเมือง
- วิดีโอยอดนิยม
