รัสเซียเผยมีพลเรือนเข้าร่วมรับราชการกองทัพกว่า 2 แสน

นาย ดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงรัสเซียได้เปิดเผยข้อมูลของกระทรวงกลาโหมรัสเซียที่เปิดเผยว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.จนถึงเมื่อวานนี้ (3 ส.ค.) ตัวเลขผู้ที่เซ็นสัญญารับราชกาชการในกองทัพมีจำนวนมากกว่า 231,000 คน

เมดเวเดฟ ระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นความสำเร็จจากการปรับเปลี่ยนระบบเซ็นสัญญาเข้ารับราชการให้เหมาะสมกับปฏิบัติการพิเศษในยูเครน โดยรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการเพื่อจูงใจหลายด้านทั้งเงินตอบแทนการเซ็นสัญญา
 

การพักชำระหนี้ และหลักประกันว่าจะสามารถเลือกกลับไปทำงานในตำแหน่งเดิมได้หลังเสร็จสิ้นการรับราชการในกองทัพ

นอกจากนี้ รัฐบาลรัสเซียยังแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมด้านค่าตอบแทนระหว่างทหารที่เซ็นสัญญารับราชการในกองทัพกับกำลังพลสำรองที่ถูกเรียกตัว

โดยเมื่อช่วงเดือน ปลายเดือน มิ.ย. นาย เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระบุว่า อัตราผู้สมัครเข้ารับราชการทหาร มีจำนวนมากพอที่จะก่อตั้งกองทหารขนาด 3,000 ถึง 5,000 นาย ได้วันละ 1 กอง

นอกจากนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว สภาผู้แทนราษฎรรัสเซียได้ลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายปรับเพิ่มอายุสูงสุดสำหรับผู้เข้ารับการเกณฑ์ทหารเป็น 30 ปี จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 27 ปี

โทรศัพท์ลึกลับป่วน ทำรัฐสภาสหรัฐฯ อพยพวุ่น ตร.ยันไม่พบสิ่งผิดปกติ

หัวหน้าคณะรัฐประหารไนเจอร์ ลั่นไม่ลงจากอำนาจ

แม้ว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ยังต้องได้รับการอนุมัติจากวุฒิสภาและประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน จึงจะมีผลบังคับใช้ แต่การเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรทำให้เป็นที่แน่นอนแล้วว่ารัสเซียจะปรับเพดานอายุเกณฑ์ทหารอย่างแน่นอน โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งระยะเวลาการเข้ารับราชการทหารถูกกำหนดไว้ที่ 1 ปี

ส่วนอายุขั้นต่ำสำหรับการเกณฑ์ทหารยังคงไว้ที่ 18 ตามเดิม ซึ่งเป็นการปรับแก้จากร่างกฎหมายที่กระทรวงกลาโหมเคยเสนอให้กำหนดอายุขั้นต่ำไว้ที่ 21 ปี

นาย อันเดร คาร์ทาโปลอฟ (Andrei Kartapolov) ประธานคณะกรรมาธิการกลาโหม สภาผู้แทนราษฎรรัสเซียระบุว่าสาเหตุที่ต้องปรับแก้ร่างกฎหมายที่ยื่นโดยกระทรวงกลาโหมเป็นเพราะปัญหาด้านโครงสร้างประชากรที่ส่งกระทบต่อจำนวนผู้เข้ารับการเกณฑ์ทหาร

การผ่านร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวถูกมองว่าเป็นความพยายามของรัฐบาลรัสเซียที่ต้องการเพิ่มกำลังทหารเพื่อปกป้องดินแดนที่ยึดมาได้จากยูเครนนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือน ก.พ.ปีที่แล้ว

นอกจากนี้ รัสเซียยังได้ประกาศเพิ่มเพดานอายุกำลังพลสำรองสำหรับเข้าประจำการในกองทัพเป็น 55 ปี ทำให้กองทัพรัสเซียจะมีกำลังพลในส่วนนี้เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ขณะที่เมื่อวานนี้ (วันพฤหัสบดี) นายกรัฐมนตรี มาเทอุส โมราเวียคกี ของโปแลนด์ ได้พบกับ ประธานาธิบดี กินทาส เนาเซดา (Gitanas Nauseda) ที่ ซูวอลกี แกป (Suwalki Gap) แนวพรมแดนระหว่างสองประเทศ อีกทั้งยังกั้นกลางระหว่างเบลารุสและดินแดนคาลินกราดของรัสเซีย

ผู้นำทั้งสองได้หารือกันในประเด็นความมั่นคงหลังจากพบว่าทหารแวกเนอร์กลุ่มหนึ่งได้เดินทางไปยังเมืองกรอนโด (Grondo) ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเบลารุส ซึ่งอยู่ใกล้กับแนวพรมแดนซูวอลกี แกป

โดยโมราเวียคกี เตือนว่ากองกำลังแวกเนอร์กกำลังถูกเคลื่อนย้ายเข้าใกล้แนวพื้นที่ด้านตะวันออกของอาณาเขตภายใต้การคุ้มครองขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต เพื่อก่อเหตุไม่สงบ ซึ่งเป็นการวางแผนร่วมกันของเบลารุสและรัสเซีย