“ปูติน” ต่อสายประชุม “สี จิ้นผิง” พร้อมเชิญเยือนรัสเซีย หวังกระชับสัมพันธ์


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย แสดงความหวังว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน จะเดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปีหน้า เพื่อยืนยันความแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ ท่ามกลางสงครามในยูเครนที่ดำเนินมาเป็นระยะเวลาเกือบ 1 ปี

“ปูติน” พบ “สี จิ้นผิง” ความสัมพันธ์หวานชื่นที่จีนกำลังเป็นฝ่ายคุมเกม

จับตา! สหรัฐฯ จ่อส่งขีปนาวุธ “แพทริออต” ให้ยูเครน

เมื่อวานนี้ (30 ธ.ค.65) ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน และ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้ร่วมประชุมผ่านระบบสื่อสารทางไกลเพื่อหารือกันถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดปี 2022 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ระหว่างการหารือกัน ประธานาธิบดี ปูติน ได้แสดงความต้องการให้ ประธานาธิบดีสีเดินทางเยือนกรุงมอสโกอย่างเป็นทางการในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ซึ่งจะแสดงให้ทั่วทั่งโลกเห็นความแนบแน่นของความสัมพันธ์รัสเซีย-จีนในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ”

 

โดยประธานาธิบดี ปูติน ย้ำว่า รัฐบาลรัสเซียมีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับความร่วมมือด้านการทหารกับจีนด้วยเช่นกัน

 

แน่นอนว่าอีกประเด็นสำคัญต่อภาพรวมความร่วมมือรัสเซีย-จีน และความสัมพันธ์ของเราคือความร่วมมือด้านกองทัพและเทคนิคทางทหาร ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการสร้างหลักประกันด้านความมั่งคงของทังเราทั้งสองประเทศ และรักษาสเถียรภาพในภูมิภาคที่มีความสำคัญ เราต้องการเพิ่มความร่วมมือระหว่างเหล่าทัพจีน-รัสเซียให้แน่นแฟ้นมากขึ้นปูติน กล่าว

 

ขณะที่ ประธานาธิบดี สี ยืนยันระหว่างการหารือว่า จีนพร้อมที่จะเพิ่มความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับรัสเซีย ต่อสถานการณ์โลกที่เขาเรียกว่า “ยากลำบาก”

อย่างไรก็ตามรายละเอียดการหารือระหว่างผู้นำทั้งสองที่ทางการจีนเปิดเผยออกมานั้น ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นเรื่องการเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีสี รวมถึงประเด็นการเพิ่มความร่วมมือด้านการทหารกับรัสเซีย แต่เน้นถึงวิธีการอันแตกต่างในการพัฒนาความสัมพันธ์ของสองมหาอำนาจ และยืนยันว่ารัฐบาลจีนซึ่งไม่เคยแสดงท่าทีสนับสนุนหรือประณามการบุกยูเครนของรัสเซียมาโดยตลอดนั้น ยังคงยึดมั่นในจุดยืนที่ “ยุติธรรมและเป็นกลาง” ในเรื่องนื้

 

โดยนับตั้งแต่รัสเซียส่งทหารบุกยูเครน เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ปีนี้  รัสเซียแทบจะตัดขาดความสัมพันธ์กับชาติตะวันตกอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากประเทศเหล่านี้พยายามใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจและการเมือง รวมทั้งสนับสนุนด้านอาวุธให้กับยูเครน  ทำให้รัสเซียหันไปพึ่งพาจีนมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการค้าผลิตภัณฑ์พลังงาน ที่ขณะนี้รัสเซียได้กลายเป็นแหล่งนำเข้าน้ำมันดิบอันดับ 1 ของจีน แทนที่ซาอุดีอาระเบียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ด้านกระทรวงการคลังรัสเซีย ประกาศจะเพิ่มสัดส่วนสกุลเงินหยวนในกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของรัสเซีย มาเป็นระดับ 60% ในระหว่างที่รัสเซียพยายาม “ลดการพึ่งพาเงินสกุลดอลลาร์” ในเศรษฐกิจรัสเซีย และพยายามยุติการพึ่งพาประเทศ “ที่ไม่เป็นมิตร” กับรัสเซีย ทั้งสหรัฐฯ สหภาพยุโรป อังกฤษ และญี่ปุ่น

ขณะเดียวกันรัสเซียยังมีโครงการจะสร้างท่อก๊าซ “เพาเวอร์ ออฟ ไซบีเรีย 2” (Power of Siberia 2) โดยมีแนวท่อผ่านประเทศมองโกเลีย ซึ่งจะทำให้รัสเซียส่งก๊าซให้จีนได้มากขึ้นจากปัจจุบันที่ปีละประมาณ 10,000 ล้านลูกบาศก์เมตร จะเพิ่มเป็นปีละ 48,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ในปี 2025 และ 88,000 ล้านลูกบาศก์เมตรในปี 2030 หรือ เท่ากับ 60 เปอร์เซนต์ของการส่งออกก๊าซรัสเซียไปยังประเทศตะวันตกเมื่อปีที่แล้ว

นอกเหนือจากจีนแล้ว รัสเซียยังพยายาส่งออกสินค้าพลังงานไปยังอินเดียเช่นกัน โดยมีรายงานว่าในช่วงไม่เดือนที่ผ่านมาอินเดียได้นำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในราคาต่ำกว่า 60 ดอลลาร์ต่อบาเรลล์ ซึ่งเป็นระดับราคาที่ชาติตะวันตกนำมาใช้จำกัดราคาน้ำมันรัสเซีย โดยขณะนี้อินเดียได้กลายเป็นผู้ซื้อน้ำมันรัสเซียรายใหญ่อันดับ 2 รองจากจีน 

 

ยูเครน คาดใช้งานแพทริออตภายใน 6 เดือน สกัดขีปนาวุธรัสเซีย

ขณะที่สถานการณ์สู้รบขณะนี้ ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เปิดเผยว่า กองทัพยูเครนในภูมิภาคดอนบาส ซึ่งประกอบไปด้วยสาธารณโดเน็ตสก์และลูฮานสก์ยังคงต้านทานการบุกโจมตีจากทหารรัสเซียและรักษาฐานที่มันของตนเองเอาไว้ได้ พร้อมทั้งสามารถรุกคืบได้เล็กน้อยในพื้นที่บางจุด

นอกจากนี้ ประธานาธิบดี เซเลนสกี ยังพูดถึงการที่กองทัพรัสเซียระดมยิงขีปนาวุธโจมตีหลายพื้นที่ของยูเครนจนเกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง โดยยืนยันว่าที่ผ่านมายูเครนได้ยกระดับระบบป้องกันภัยทางอากาศมาโดยตลอดและจะดำเนินการต่อไปในปีหน้าที่กำลังจะมาถึง ซึ่งจะไม่ใช่เป็นเพียงการปกป้องตนเองเท่านั้น แต่ยังเป็นการปกป้องประเทศอื่นๆในยุโรปด้วย 

สำหรับความคืบหน้าการส่งมอบระบบต่อต้านขีปนาวุธแพทริออตที่รัฐบาลสหรัฐฯประกาศส่งมอบให้แก่ยูเครนหลังการพบกันระหว่าง ประธานาธิบดี เซเลนสกี และ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่ทำเนียบขาวนาย ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยูเครน เปิดเผยว่า สหรัฐฯได้วางแผนการพิเศษเพื่อให้ยูเครนสามารถนำอาวุธดังกล่าวมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว

คูเลบา คาดว่า ระบบต่อต้านขีปนาวุธแพทริออตจะเข้าประจำการได้ภายในระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2023  โดยการฝึกอบรมทหารยูเครนสำหรับการใช้งานขีปนาวุธแพทริออตจะดำเนินไปอย่างรวดเร็วกว่าปกติ แต่ยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการใช้งานในสนามรบ โดยการฝึกใช้งานจะเกิดขึ้นนออกยูเครน ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่าอาจเป็นฐานทัพสหรัฐฯในประเทศเยอรมนี

 

 

 

เรื่องที่คุณอาจพลาด
วิดีโอยอดนิยม

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์


TOP ต่างประเทศ

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ