World Cancer Day มะเร็ง ป้องกันได้ ด้วยการตรวจคัดกรอง


โดย BDMS Wellness Clinic

เผยแพร่




ในปี พ.ศ. 2563 องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง สูงมากถึงเกือบ 10 ล้านคน และในปีเดียวกันมีจำนวนผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 18.1 ล้านคน โดยพบผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมากที่สุด ที่จำนวน 2.3 ล้านคน รองลงมาเป็นผู้ป่วยมะเร็งปอด ที่จำนวน 2.2 ล้านคน 

การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงมะเร็ง อย่างการสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ขาดการออกกำลังกาย และมลพิษทางอากาศ รวมถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งลงได้สูงถึง 30-50 % เพราะหากค้นพบความผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพื่อเข้ารับการรักษาก่อนเข้าสู่ภาวะลุกลาม ลดโอกาสในการเสียชีวิต 

เนื่องจากมะเร็งมักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น การตรวจคัดกรองมะเร็งจึงมีส่วนช่วยคัดกรองความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้ ซึ่งในปัจจุบันมีการตรวจหลากหลายวิธี ดังต่อไปนี้

คอนเทนต์แนะนำ
7 สัญญาณ “โรคมะเร็ง” เนื้อร้ายคุกคามชีวิตรู้เร็วรักษาได้
มะเร็ง 5 ชนิด ลุกลามเสี่ยง “มะเร็งกระดูก” ตั้งแต่ระยะแรกของโรค
รู้จัก“มะเร็งหัวใจ” โรคที่พบได้ยาก แนะสังเกต 3 สัญญาณเตือนมะเร็งใกล้หัวใจ

1. การตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็ง (Tumor marker) จากเลือด สามารถช่วยคัดกรองความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด เช่น
-ค่า Alpha-fetoprotein (AFP) ที่มักมีค่าสูงกว่าปกติในผู้ป่วยมะเร็งตับ (Hepatocellular carcinoma) รวมถึงมะเร็งของรังไข่ หรือ อัณฑะ ชนิด embryonal cell carcinoma
-ค่า Carcinoembryonic antigen (CEA) ซึ่งมักสูงผิดปกติผู้ป่วยมะเร็งของระบบทางเดินอาหารต่างๆ, มะเร็งตับอ่อน, มะเร็งปอด, มะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม โดยเฉพาะ มะเร็งลำไส้ใหญ่ จะพบ ค่า CEA สูง บ่อยกว่ามะเร็งชนิดอื่นๆ
-ค่า Prostate-specific antigen (PSA) ในเพศชายเพื่อดูความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมากและภาวะต่อมลูกหมากโตที่ไม่ใช่มะเร็ง (benign prostatic hyperplasia, BPH)
-ค่า Cancer antigens (CA15-3) เพื่อคัดกรองมะเร็งเต้านมในผู้หญิง 
-ค่า Cancer antigens (CA125) เพื่อคัดกรองมะเร็งรังไข่ชนิด non-mucinous type
-ค่า Cancer antigens (CA19-9) เพื่อคัดกรองมะเร็งตับอ่อน และมะเร็งของท่อน้ำดี
 
2. การตรวจแปปสเมียร์  (Pap Smear หรือ Pap Test) เพื่อคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือสอดเข้าไปในช่องคลอด เพื่อเก็บเซลล์จากมดลูกส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาเซลล์ที่ผิดปกติ หรือเซลล์ที่อาจพัฒนากลายเป็นเซลล์มะเร็ง รวมถึงการตรวจหาเชื้อไวรัส HPV (Human papillomavirus) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ โดยแนะนำให้ผู้หญิงเข้ารับการตรวจแปบสเมียร์ภายหลังเริ่มมีเพศสัมพันธ์ 3 ปี หรือเมื่อมีอายุครบ 25 ปี และควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุก 1-2 ปี
3. การตรวจแมมโมแกรม (mammogram) เป็นการถ่ายภาพเต้านม สามารถแยกความแตกต่างของเนื้อเยื่อต่างๆและไขมันได้ เพื่อค้นหาความผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการตรวจพบหินปูนในเต้านม แนะนำให้ผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป เข้ารับการตรวจแมมโมแกรมทุกปี

คอนเทนต์แนะนำ
อาหารต้านมะเร็ง สุดยอดงานวิจัยป้องกันร่างกายจากเซลล์มะเร็ง
สัญญาณมะเร็ง 3 อันดับคร่าชีวิตผู้หญิง เจอเร็วโอกาสหายสูง ลดการเสียชีวิต
ส่องซีรีส์ Crash Course in Romance โรคกลัวคณิตศาสตร์แฝงอยู่ในพันธุกรรม

4. การตรวจ EDIM (Epitope Detection in Monocytes) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ช่วยในการคัดกรองความเสี่ยงมะเร็งในระยะเริ่มแรก  (Early detection cancer)  โดยใช้การตรวจเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดโมโนไซต์ที่ถูกกระตุ้นกลายเป็นแมคโครฟาจ (macrophage) ซึ่งทำหน้าที่จับกินสิ่งแปลกปลอมทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น แบคทีเรีย เซลล์เสื่อมสภาพ รวมถึงเซลล์มะเร็ง จึงสามารถพบชิ้นส่วนของเซลล์ที่ผิดปกติอยู่ภายในเซลล์แมคโครฟาจได้ ส่วนสำคัญในวิธีการตรวจวัดนี้จะใช้ตัวบ่งชี้ 2 ตัว คือ DNaseX  และ TKTL1 Gene เพื่อนำมาคำนวณเป็นคะแนน ใช้ดูความเสี่ยงของการมีเซลล์ผิดปกติที่มีโอกาสพัฒนาไปเป็นเซลล์มะเร็งได้

แม้ว่าโรคมะเร็งจะเป็นโรคที่คุกคามชีวิตของมนุษย์ ต้องใช้ทั้งเงินและเวลาในการดูแลรักษายาวนาน แต่หากเราปรับวิถีชีวิต ดูแลสุขภาพร่างกาย และเข้ารับการตรวจสุขภาพและคัดกรองโรคมะเร็งอย่างสม่ำเสมอ ก็จะลดโอกาสการเสียชีวิตและเจ็บป่วยจากโรคมะเร็งได้ เพื่อเราจะมีชีวิตยืนยาวอย่างมีคุณภาพ 

BDMS Wellness Clinic มุ่งมั่นพัฒนาและวิจัยเรื่องสุขภาพ เพื่อมอบเป็นของขวัญสุขภาพแก่คนไทยทุกคน เพราะสุขภาพที่ดี คือของขวัญที่ดีที่สุด Live longer, Healthier and Happier

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก (BDMS Wellness Clinic)  ไลน์ : @bdmswellnessclinic or  https://lin.ee/rdIDv1A เว็บไซต์ : www.bdmswellness.com

คอนเทนต์แนะนำ
อัตราป่วย“มะเร็งปอด” จากฝุ่น PM2.5 สูงขึ้น แนะกลุ่มเสี่ยงหลีกเลี่ยงพื้นที่โล่งแจ้ง
“กรดไหลย้อน” ปล่อยไว้นานเสี่ยง “มะเร็งหลอดอาหาร” ได้ แล้วอะไรคือสัญญาณโรค?
แพทย์แนะสังเกต “มะเร็งหัวใจ” หากพบอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์


TOP สุขภาพ