เมื่อเทศกาลตรุษจีนเวียนมาอีกครั้ง ก็เป็นที่รู้กันดีว่าธรรมเนียมประเพณีที่ต้องปฏิบัติได้เวียนมาอีกครั้งเช่นกัน ตรุษจีน 2568 จึงควรจัดเตรียมของทุกอย่างให้พร้อม จัดโต๊ะอย่างถูกต้อง เพื่อเป็นการเสริมดวงชะตา เสริมสิริมงคลให้แก่ชีวิต และยังเป็นการทำความเคารพต่อบรรพบุรุษ เทพเจ้าที่นับถือ ดังนั้น ขั้นตอนและวิธีการจึงสำคัญและจัดทำให้เหมาะสม
สังคมจีนในสมัยก่อน เกษตรกรมักจะพูดคุยกันถึงพืชผลที่เพราะปลูกในแต่ละปีว่าอุดมสมบูรณ์มากน้อยแค่ไหน ซึ่งมักจะพูดคุยกันช่วงไหว้บรรพบุรุษในวันตรุษจีน จึงสังเกตเห็นว่าบ้านไหนที่จัดโต๊ะไหว้บรรพบุรุษได้อย่างยิ่งใหญ่ มีอาหารมากมาย บ้านนั้นจะประสบความสำเร็จในการเพาะปลูก ผู้คนจึงให้ความสำคัญกับการไหว้บรรพบุรุษเพื่อส่งเสริมความสำเร็จในด้านการค้าขายและอื่น ๆ
การจัดโต๊ะไหว้ตรุษจีน
ในการจัดโต๊ะเพื่อไหว้ตรุษจีนนั้นควรเตรียมทุกอย่างที่ต้องใช้ให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเริ่มพิธี เพื่อให้การไหว้นั้นอยู่ในเวลาที่ถูกต้อง เหมาะสมจึงจะถือว่าสำเร็จ ถูกต้องตามธรรมเนียมประเพณี จึงจะเริ่มจากของที่ควรเตรียม
อาหารคาว
- หมู หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้ไม่ขาด
- ไก่ หมายถึง ความเป็นสิริมงคลและความขยันขันแข็ง หน้าที่การงานขยับขยายไปในทางที่ดี
- กุ้ง หมายถึง ยศตำแหน่ง การอยู่อย่างรมย์เย็น มีอำนาจบารมี
- เป็ดและปู หมายถึง การได้ตำแหน่งงานที่ดี การมีความซื่อสัตย์ที่ขาวสะอาด บริสุทธิ์
- หมึกและปลา หมายถึง เหลือกิน เหลือใช้ ประสบความสำเร็จในการศึกษา
- บะหมี่ยาว หรือ หมี่สั้ว หมายถึง การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อายุยืนยาว
- สาหร่าย/เกี๊ยวต้ม หมายถึง โชคลาภ ร่ำรวย มั่งคั่ง
อาหารหวาน
- ขนมถ้วยฟู หมายถึง ชีวิตรุ่งเรืองเฟื่องฟู ชื่อเสียงเพิ่มพูน
- ซาลาเปา หมายถึง ห่อความสุข ห่อโชค ห่อลาภ ห่อเงิน ห่อทอง การรับโชค
- ขนมเข่ง หมายถึง เจริญก้าวหน้า ชีวิตรุ่งโรจน์ในทุกๆด้าน ร่ำรวย
- ขนมบัวลอยจีน หมายถึง ความกลมเกลียวภายในครอบครัว ความผูกพัน
- ขนมไข่ หมายถึง ความเจริญเติบโต การกำเนิด
- ขนมจันอับ หมายถึง มีความสุขตลอดไป ราบรื่นในชีวิตคู่
- ขนมเปี๊ยะ หมายถึง สิริมงคล ความสามัคคีในครอบครัว
- ขนมปุยฝ้าย หมายถึง ความเฟื่องฟู งอกงาม
ผลไม้
- ส้ม หมายถึง ความเป็นสิริมงคลต่อชีวิต
- องุ่นแดง หมายถึง ความร่ำรวย การเฟื่องฟู เจริญก้าวหน้า
- กล้วยหอม หมายถึง การมีลูกหลานเยอะๆ มีบริวารที่ดี การกวักนำโชคลาภ
- สับปะรด หมายถึง การนำโชค หรือเรียกโชคเข้ามา
- แอปเปิล หมายถึง ความสุขสงบในชีวิต ความเรียบนิ่งที่ไม่เจอความวุ่นวาย
- สาลี่ หมายถึง โชคลาภที่กำลังจะเข้ามา ( ไม่นิยมนำมาไหว้บรรพบุรุษ และวิญญาณไร้ญาติ เพราะคำว่า "สาลี่" ในภาษาจีนมีเสียงพ้องกับคำว่า "แยกจาก" หรือ "พลัดพราก"
- ทับทิม หมายถึง ครอบครัวอบอุ่น การมีลูกชายมากๆ
- แก้วมังกร หมายถึง อำนาจ ความอุดมสมบูรณ์ ความสำเร็จ
- ลูกพลับ หมายถึง ผ่านพ้นอุปสรรคได้อย่างราบรื่น มั่นคง ยั่งยืน
ไหว้ช่วงเช้า (เวลา 06.00 – 07.00)
เป็นการไหว้เทพเจ้า เจ้าที่เจ้าทางที่คุ้นเคย คือ “ตี่จู๋เอี๊ยะ”
- ขั้นที่ 1 : การจัดวางโต๊ะไหว้ไว้ในบริเวณด้านหน้าเทวรูป หรือแท่นบูชา
- ขั้นที่ 2 : การวางกระถางธูปไว้หน้าแท่นบูชา หรือเทวรูป เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โดยใช้ธูป 3 ดอก
- ขั้นที่ 3 : การวางเชิงเทียนและแจกันดอกไม้ ขนาบทั้งด้านซ้ายและขวาของกระถางธูป เป็นสัญลักษณ์แทนความสว่างไสวและความเจริญงอกงาม
- ขั้นที่ 4 : ข้าว ซึ่งส่วนใหญ่จะไหว้จำนวน 5 หรือ 3 ถ้วย โดยต้องตักข้าวให้พูนถ้วย เพื่อแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ ห้ามลืมตะเกียบ
- ขั้นที่ 5 : ถ้วยน้ำชา หรือถ้วยเหล้าวางถัดจากถ้วยข้าว จำนวนควรเท่ากับถ้วยข้าว
- ขั้นที่ 6 : ถ้วยน้ำดื่มวางไว้ข้างหน้าถ้วยน้ำชาหรือถ้วยเหล้า
- ขั้นที่ 7 : ของคาว หรือที่เรียกว่า “ซาแซ” เครื่องเซ่นไหว้ 3 อย่าง ( ไก่ต้ม หัวหมู ปลานึ่ง ) หรือ “โหวงแซ” เครื่องเซ่นไหว้ 5 อย่าง ( ไก่ต้ม หัวหมู ปลานึ่ง เป็ดพะโล้ ตับหมู ) ซึ่งจะต้องมีเนื้อสัตว์ครบ 3 ประเภท คือ สัตว์มีกีบที่เท้า คือ หมู สัตว์มีปีก คือ ไก่หรือเป็ด และสัตว์มีครีบ คือ ปลา
- ขั้นที่ 8 : ของหวานหรือผลไม้ ส่วนใหญ่จะจัดจำนวนเท่ากับของคาว ควรเป็นผลไม้มงคลสัก 3 หรือ 5 อย่าง
- ขั้นที่ 9 : วางกระดาษเงิน กระดาษทอง ไว้บนโต๊ะไหว้
ไหว้ช่วงสาย (เวลา 10.00 – 11.00)
เป็นการไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว
- ขั้นที่ 1 : การจัดวางรูปหรือป้ายบรรพบุรุษไว้ด้านในสุดของโต๊ะ ( หากเป็นแท่นวางป้าย ควรใช้โต๊ะที่มีความสูงน้อยกว่าแท่นวางป้ายเพื่อเป็นการแสดงความเคารพ )
- ขั้นที่ 2 : การวางกระถางธูปไว้หน้ารูปหรือป้ายบรรพบุรุษ ใช้ธูป 3 ดอก
- ขั้นที่ 3 : การวางเชิงเทียนและแจกันดอกไม้ ขนาบทั้งด้านซ้ายและขวาของกระถางธูป เทียนควรเป็นสีแดง และวางแจกันดอกไม้สดขนาบซ้าย-ขวาเชิงเทียนอีกที โดยไม่ให้บังเชิงเทียน
- ขั้นที่ 4 : ข้าว ไหว้ตามจำนวนบรรพบุรุษแต่ไม่ควรเกิน 5 ถ้วย ต้องตักข้าวให้พูนถ้วย ห้ามลืมตะเกียบ
- ขั้นที่ 5 : ถ้วยน้ำชา หรือถ้วยเหล้าวางถัดจากถ้วยข้าว จำนวนควรเท่ากับถ้วยข้าว
- ขั้นที่ 6 : ถ้วยน้ำดื่มวางไว้ข้างหน้าถ้วยน้ำชาหรือถ้วยเหล้า
- ขั้นที่ 7 : ของคาว หรือที่เรียกว่า “ซาแซ” เครื่องเซ่นไหว้ 3 อย่าง ( ไก่ต้ม หัวหมู ปลานึ่ง ) หรือ “โหวงแซ” เครื่องเซ่นไหว้ 5 อย่าง ( ไก่ต้ม หัวหมู ปลานึ่ง เป็ดพะโล้ ตับหมู ) แต่ควรเพิ่มเมนูแกงเข้าไป เช่น แกงจืดวุ้นเส้น ต้มจับฉ่าย ซึ่งของคาวควรวางหน้าถ้วยน้ำดื่ม หันไปทิศเดียวกัน
- ขั้นที่ 8 : ของหวานหรือผลไม้ ส่วนใหญ่จะจัดจำนวนเท่ากับของคาว ควรเป็นผลไม้มงคลสัก 3 หรือ 5 อย่าง
- ขั้นที่ 9 : วางกระดาษเงิน กระดาษทอง ใบเบิกทางอวงแซ่จี้ ( เป็นการบอกให้ลงมารับของไหว้ ) กระดาษกงเต๊ก ค้อซี ตั้วกิม พับเป็นรูปกระทงดอกบัว รูปเรือ วางไว้บนโต๊ะไหว้
ไหว้ช่วงบ่าย (เวลา 14.00 – 16.00)
เป็นการไหว้วิญญาณเร่ร่อนที่ไร้ญาติขาดมิตร
- ขั้นที่ 1 : เตรียมอาหารไปไว้ด้านนอก ซึ่งจะมีชุดของคาว ที่เรียกว่า “ซาแซ” เครื่องเซ่นไหว้ 3 อย่าง หรือ “โหวงแซ” เครื่องเซ่นไหว้ 5 อย่าง ข้าวสวยและของหวาน จำนวนแล้วแต่สะดวก
- ขั้นที่ 2 : เตรียมกระดาษเงินกระดาษทอง และธูป 1 ดอก
- ขั้นที่ 3 : ไหว้ให้เสร็จสรรพ หลังจากนั้นจุดประทัดต่อเลย เพราะมีความเชื่อว่า เป็นการปัดเป่าขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไป
ไหว้ช่วงดึก (เวลา 23.00 – 01.00)
เป็นการไหว้ “เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย” เพื่อขอพรในเรื่องโชคลาภ
- ขั้นที่ 1 : การจัดวางรูปหรือรูปปั้นควรวางไว้บนโต๊ะไหว้ ( ควรหันหน้าไปในทิศทางที่เป็นมงคลของปีนั้นๆ )
- ขั้นที่ 2 : การวางกระถางธูปไว้หน้ารูปหรือรูปปั้น ใช้ธูป 3 ดอก หรือ 5 ดอก หรือ 9 ดอก
- ขั้นที่ 3 : การวางเชิงเทียนและแจกันดอกไม้ ขนาบทั้งด้านซ้ายและขวาของกระถางธูป เทียนควรเป็นสีแดง และวางแจกันดอกไม้สดขนาบซ้าย-ขวาเชิงเทียนอีกที โดยไม่ให้บังเชิงเทียน
- ขั้นที่ 4 : ข้าวยสวยพูนๆ 5 ถ้วย
- ขั้นที่ 5 : ถ้วยน้ำชา 5 ถ้วย วางไว้หน้ากระถางธูป
- ขั้นที่ 6 : ขนมอี๊ (สาคูแดงต้มสุก) 5 ถ้วย ควรวางไว้หน้าถ้วยนำชา
- ขั้นที่ 7 : เตรียมผลไม้มงคล 5 ชนิด , เจไฉ่ (อาหารเจ 5 อย่าง) , ขนมจันอับ 1 จาน วางไว้ด้านหน้าขนมอี๊
- ขั้นที่ 8 : กระดาษเงิน กระดาษทอง กิ่มหงิ่งเต้า 1 คู่ เทียงเถ้าจี๊ 1 ชุด กระดาษสีเขียว ( เทียบเชิญสีเขียว ) 1 แผ่น
- ขั้นที่ 9 : เตรียมกระเป๋าเงินที่ใช้ มาทำความสะอาดและวางไว้บนโต๊ะไหว้เพื่อเป็นการเรียกทรัพย์เข้ากระเป๋า
ทั้งนี้ การจัดโต๊ะไหว้เจ้าในช่วงตรุษจีนนั้นถือเป็นสิ่งที่ทำมาทุก ๆ ปี ตั้งแต่สมัยก่อน เป็นธรรมเนียมประเพณีที่ก่อเกิดมาจากความเชื่อแต่ช้านาน จนกลายเป็นสิ่งที่ต้องทำในทุกๆปี ไปโดยปริยายเพราะถือเป็นการเริ่มต้นใหม่ เริ่มชีวิตใหม่ ช่วยเสริมสร้างสิริมงคล นำพาความโชคดีเข้ามาให้ จึงควรรู้ข้อปฏิบัติที่ถูกต้องเอาไว้