ชาวยูเครนกว่า 18 ล้านคนต้องกลายเป็นผู้ลี้ภัยหนีตายออกนอกประเทศ จำนวนมากใช้ชีวิตต่อด้วยความยากลำบากเพราะบ้านเมืองเสียหายย่อยยับ ไม่นับรวมบาดแผลทางด้านจิตใจที่เกิดขึ้นจากการเห็นและเผชิญความโหดร้ายของสงคราม เหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนนับล้านรวมถึงระเบียบความมั่นคงโลกครั้งสำคัญนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น
กรุงเคียฟ เป็นเป้าหมายการโจมตีของรัสเซียอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มต้นสงคราม โดยรัสเซียใช้วิธียิงขีปนาวุธระยะไกลเข้าใส่อย่างหนักโดยไม่เลือกเป้าหมาย
“ไบเดน”เซอร์ไพรส์เยือนกรุงเคียฟ ก่อนครบรอบ 1 ปีสงครามรัสเซีย-ยูเครน
IMF เตือน 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยปีนี้
และหลายครั้งตกลงใส่พื้นที่พลเรือนเช่นอาคารที่พักอาศัยรวมถึงโรงเรียนอนุบาล และในช่วงหลังๆมีการใช้โดรนกามิกาเซ่ของอิหร่านบินเข้ามาโจมตี อย่างเช่นคราวที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม ฝูงโดรนอิหร่าน 10 ลำทิ้งตัวเข้าใส่ใจกลางกรุงเคียฟไม่ไกลจากจุดที่เรายืนอยู่และทำให้คนที่เดินอยู่บริเวณนั้นเสียชีวิต 1 ราย
เคียฟผ่านมาเยอะมากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แต่เคียฟยังยืนหยัดอยู่ได้ ผู้คนพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะใช้ชีวิตตามปกติ
ผู้คนบางตาลงจากที่เราเคยเห็นเมื่อหลายปีก่อน ไม่มีนักท่องเที่ยว ที่นี่คือ War Zone หรือเขตสงคราม ตามเมืองป้อมจุดประจำการของทหารแต่ไม่สามารถที่จะเปิดเผยภาพหรือพิกัดได้ เป็นชีวิตที่ไม่ปกติและไม่มีใครรรู้ว่าชีวิตที่แบบนี้จะดำเนินไปอีกนานมากแค่ไหน
ที่สำคัญคือ ยูเครนไม่มีทรัพยากรหรือกำลังพอในการป้องกันตนเอง ยูเครนยืนหยัดต้านรัสเซียมานานได้ถึง 1 ปีเนื่องจากการสนับสนุนของสหรัฐฯ
อาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ คือสิ่งที่ทำให้ยูเครนซึ่งมีขนาดกองทัพเล็กมากกว่ารัสเซียมากสามารถยันรัสเซียได้ถึง 1 ปี
ยุทโธปกรณ์มีเป็นร้อยรายการ และมีหลายตัวที่เป็นสิ่งที่ทำให้ยูเครนพลิกสถานการณ์และยึดคืนดินแดนบางส่วนได้เมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมามีหลายรายการ เช่น เครื่องยิงขีปนาวุธพิสัยไกลหรือ HIMARS ขีปนาวุธต่อต้านรถถังรวมถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศ และล่าสุดคือรถถังประจัญบานเอวันอับบรามส์
ต้องบอกว่าถ้าไม่มีสหรัฐฯสนับสนุน ยูเครนไม่สมารถยืนระยะได้จนครบ 1 ปี จึงไม่น่าแปลกใจที่คนที่นี่ดีใจอย่างมากที่เมื่อวานนี้มีแขกคนสำคัญปรากฎตัว นั่นคือประธานาธิบดีไบเดน ผู้นำสหรัฐที่เดินทางเยือนเคียฟแบบไม่แจ้งกำหนดการล่วงหน้า