วิเคราะห์สาเหตุ เยอรมนีไม่ส่ง “รถถังเลพเพิร์ด 2” ช่วยยูเครน รบสงคราม
สงครามยูเครน การต่อสู้ด้วยรถถังยุคเก่าในสนามรบยุคใหม่
พลเอกมาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมกองทัพสหรัฐฯ ได้ประเมินสถานการณ์สงครามยูเครน หลังเยอรมนีปฏิเสธไม่ส่งรถถังรุ่นใหม่ เลพเพิร์ด 2 (Leopard2) ให้ยูเครน โดยระบุว่า ภายในปีนี้ยังไม่เห็นโอกาสที่ยูเครนจะผลักดันรัสเซียออกไปได้ในทุกตารางนิ้ว
การตัดสินใจไม่ส่งรถถังเลพเพิร์ด 2 ให้กับยูเครน เกิดขึ้นหลังการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงจาก 50 ชาติ ในนามของกลุ่มที่เรียกว่า “Ukraine Contact Group” ที่ฐานทัพอากาศแรมสไตน์ของประเทศเยอรมนี
หลายชาติในที่ประชุมขอร้องให้เยอรมนีส่งรถถังรุ่นดังกล่าวให้กับยูเครนเพื่อทดแทนรถถังรุ่นเก่าของสหภาพโซเวียต เพื่อให้ยูเครนสามารถให้รถถังนี้เป็นแกนหลักในการออกแบบยุทธศาสตร์เพื่อเอาชนะสงคราม
อย่างไรก็ตาม เยอรมนีซึ่งเป็นผู้ผลิตเลพเพิร์ 2 และผู้ถือใบอนุญาตส่งมอบรถถังรุ่นยังคงยืนยันไม่ส่ง รวมถึงไม่อนุญาตให้ประเทศที่มีเลพเพิร์ด 2 ในประจำการไม่ว่าจะเป็นโปแลนด์หรือฟินแลนด์ส่งรถถังรุ่นดังกล่าวให้กับยูเครนด้วย
มีการวิเคราะห์กันว่าสาเหตุหนึ่ง เพราะเยอรมนีไม่ต้องการถูกผลักไปเผชิญหน้ากับรัสเซียโดยตรง เพราะเลพเพิร์ด 2 คือยุทโธปกรณ์หนัก มีประสิทธิภาพสูง ที่สามารถเปลี่ยนทิศทางของสงครามได้ หากยูเครนได้รับในจำนวนที่มากพอ และหากเยอรมนีส่งให้ จะเท่ากับว่าได้กระโดดเข้าไปมีส่วนร่วมโดยตรงในสงคราม
ซึ่งจากท่าทีของเยอรมนีทำให้หลายชาติพันธมิตรผิดหวัง โดยเฉพาะโปแลนด์และประเทศบอลติก ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต มีจุดยืนชัดเจนว่าหากต้องการสันติภาพ มีทางเดียวคือต้องทำให้ยูเครนชนะสงครามด้วยการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ที่หนักขึ้นไปให้ เพราะชัดเจนว่ารัสเซียไม่มีทางถอนทัพจากยูเครนเอง
ในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดของ บอริส พิสโตริอุส รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนีระบุว่า เยอรมนีกำลังถูกเข้าใจผิดในเรื่องนี้ โดยที่ยังไม่ส่งเลพเพิร์ด 2 ให้ยูเครนเพราะต้องชั่งน้ำหนักในเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง
แต่คำอธิบายของเยอรมนีดูหมือนจะไม่ช่วย ทั้งโปแลนด์และชาติบอลติก ระบุว่า การไม่ตัดสินใจเท่ากับขยายเวลาของการเข่นฆ่าพลเรือนออกไป
ผู้นำยูเครน ปลุกใจเร่งยุติสงคราม หลังสูญเสีย รมว.มหาดไทย
การตัดสินใจของเยอรมนีสร้างความผิดหวังให้กับยูเครนอย่างมาก และเกิดขึ้นในวันที่ยูเครนกำลังมีการสูญเสียครั้งสำคัญ นั่นคือการเสียชีวิตของรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 18 มกราคม ในขณะที่เดนิส โมนาสทีสกี รัฐมนตรีมหาดไทยพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกหลายคนรวมถึงรัฐมนตรีช่วยและปลัดกระทรวงมหาดไทย กำลังเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปที่แคว้นโดเนตสก์ ซึ่งเป็นแนวหน้าของสงคราม
มีรายงานว่า เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวบินในระดับที่ต่ำกว่าปกติ เพื่อหลบเลี่ยงจากการตกเป็นเป้าของรัสเซีย ก่อนที่จะตกลงไม่ไกลจากกรุงเคียฟ คร่าชีวิตคนที่อยู่บนเครื่องทั้งหมด 9 คน นี่คือความสูญเสียเจ้าหน้าที่ระดับสูงครั้งสำคัญของยูเครน เพราะโมนาสทีสกี คือมือขวาของประธานาธิบดีเซเลนสกี เป็นหนึ่งในคนที่มีบทบาทสูงมากในช่วงการทำสงคราม
เมื่อคืนที่ผ่านมา พิธีศพถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่สมเกียรติ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีและสุภาพสตรีหมายเลข 1 โอเลนา เซเลนสกาได้เข้าร่วมในพิธี ท่ามกลางบรรยากาศของความโศกเศร้าต่อความสูญเสียเจ้าหน้าที่ระดับสูงครั้งสำคัญ และสำหรับประธานาธิบดีเซเลนสกี นี่เป็นมากกว่าแค่การสูญเสียรัฐมนตรีในคณะรัฐบาล เพราะโมนาสทีสกีคือเพื่อนตาย เป็นคนที่อยู่เคียงข้าง และต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันนับตั้งแต่เกิดสงคราม
ทั้งนี้หลังพิธีศพเสร็จสิ้น ผู้นำยูเครนได้อัดคลิปพูดคุยกับประชาชนว่า ความสูญเสียครั้งนี้เป็นเรื่องที่เจ็บปวดจนไม่สามารถจะพูดถึงมันได้ และทุกวันๆ เราสูญเสียคนแบบนี้ คนที่ต่อสู้เพื่อประเทศ โดยอยากให้ทุกคนจำความรู้สึกของความสูญเสียนี้ไว้ ให้เราตระหนักทุกวันว่า สงครามได้พรากใครไปจากเราบ้าง ให้จำไว้ว่าใครที่ต้องสละชีวิตไปบ้าง ให้รู้ว่าเราจะทำทุกทางเพื่อทำให้สงครามยุติลงให้ได้
เหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกจนนำไปสู่ความสูญเสียเจ้าหน้าที่ระดับสูงครั้งนี้นี้เกิดขึ้นเพียง 4 วัน หลังรัสเซียใช้ขีปนาวุธ KH-22 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อใช้ทำลายเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าทำลายอาคารที่พักอาศัยในเมืองดนิโปร คร่าชีวิตพลเรือนไปอย่างน้อย 44 ราย นับเป็นความสูญเสียชีวิตพลเรือนที่มากที่สุดในคราวเดียวนับตั้งแต่เกิดสงคราม
"รัสเซีย" เผยกองทัพรุกคืบแคว้นซาโปริซเซีย อ้างยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ
สำหรับสถานการณ์ของการสู้รบมีรายงานว่า รัสเซียได้เริ่มกลับมาโจมตียูเครนในแคว้นซาโปริซเซีย โดยโฆษกกลาโหมรัสเซียแถลงเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า กองทัพรัสเซียกำลังรุกคืบและเป็นฝ่ายได้เปรียบในหลายจุด
โดย ซาโปริซเซีย อยู่ทางตอนใต้ของยูเครนและเป็นหนึ่งในดินแดนที่รัสเซียผนวกมาเป็นของตนเองเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว แต่หลังการประกาศผนวก รัสเซียยังไม่สามารถยึดพื้นที่ได้อย่างเบ็ดเสร็จเพราะกองกำลังยูเครนโต้กลับ
อีกจุดหนึ่งที่มีภาพและรายงานการโจมตีของรัสเซียเมื่อคืนที่ผ่านมาคือ ที่หมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งไม่ไกลจากเมืองบัคมุตของแคว้นโดเนตสก์ โดยขีปนาวุธที่รัสเซียยิงเข้ามาทำลายบ้านเรือนประชาชนบางส่วน แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต
ทั้งนี้ การโจมตีของรัสเซียในช่วง 5 วันที่ผ่านม ายังไม่มีนัยสำคัญอะไรมากนัก สถานการณ์โดยรวมของสงคราม ขณะนี้ถือว่าแทบจะหยุดนิ่ง หรือ deadlock ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างไม่สามารถทำอะไรกันได้มากนอกจากยันไว้ หรือตรึงพื้นที่เดิมตัวเอง เพื่อรอการสะสมกำลังและอาวุธกลับมาโจมตีใหญ่ในเร็ว ๆ นี้